วันที่ 30 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับความคืบหน้าการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF
โดย CPN ระบุว่า หลังจากที่บริษัทให้ บริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPN ถือหุ้นไว้ 100% เข้าซื้อหุ้นของ SF เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,111,781,388 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 52.15 ของหุ้นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 1.33 หมื่นล้านบาท เสร็จเรียบร้อยแล้วในวันที่ 30 ส.ค. นั้น
ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นเดิมที่มีอยู่แล้ว ก็จะทำให้สัดส่วนหุ้นที่ CPN และเซ็นทรัลเวิลด์ถืออยู่ใน SF เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,199,370,588 หุ้น หรือประมาณ 56.26% ของหุ้น SF ทั้งหมด
ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อจากนี้ คือ เซ็นทรัลเวิลด์มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด (Tender Off) ของ SF ซึ่งเป็นจำนวน 932,550,343 หุ้น หรือราว 43.74% ในราคาหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท
และภายหลังจากการทำ Tender Off บริษัทมีแผนที่จะเพิกถอน SF ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหากมีความชัดเจนแล้วจะแจ้งตลาดฯ ต่อไป
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า การเข้าถือหุ้นของ CPN ใน SF ล่าสุดที่ 56.26% ทำให้ CPN กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีกรรมการของ CPN เข้าดำเนินธุรกิจแทนกลุ่มเดิมที่ลาออกไป
ดังนั้น ตั้งแต่ 1 ก.ย. 2564 จะทำให้ CPN สามารถควบรวมงบการเงินของ SF เข้ากับบริษัท และกลายเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่สุดของไทย หลังผนึกกับ SF
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลประกอบการของ SF แล้วจะพบว่า SF มีรายได้ราว 1-1.5 พันล้านบาท/ปี และกำไรปกติ 400-600 ล้านบาท (ในส่วนนี้กว่า 80% มาจากส่วนแบ่งกำไร เมกะ บางนา เฉลี่ย 400-500 ล้านบาทต่อปี) เทียบแล้วคิดเป็นสัดส่วนของรายได้และกำไรปกติของ CPN ราว 4% และ 5% ตามลำดับ ไม่มีนัยฯ ต่อประมาณการ CPN ที่มีกำไรระดับ 1 หมื่นล้านบาท
และแม้ระยะสั้น CPN อาจมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินลงทุน 2.55 หมื่นล้านบาท (หาก Tender Off 100%) เข้ามา 540 ล้านบาท (อิงอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของ CPN ที่ 2.1%) ทำให้ผลกำไรสุทธิที่มีต่อ CPN แทบไม่มีนัยฯ
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าความสามารถในการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายและต้นทุนการเงินของ CPN ให้กับ SF (ต้นทุนการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 3%) ได้อย่างประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงโอกาสที่นำโครงการของ SF หรือ CPN ขายเข้ากอง CPNREIT เพิ่มเติมในอนาคต
ประกอบกับการนำสินทรัพย์ของ SF และการร่วมมือกับ IKEA มาสร้างซินเนอร์ยีร่วมกันทั้งในธุรกิจศูนย์การค้า และต่อยอดในโครงการมิกซ์ยูส น่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ CPN ในระยะยาว










