ศาลสั่งจำคุก ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ 1,115 ปี ให้ชดใช้กว่าพันล้านบาท คดีหลอกลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนม

ศาลสั่งจำคุก ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ 1,115 ปี ให้ชดใช้กว่าพันล้านบาท คดีหลอกลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนม

ศาลสั่งจำคุก ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ 1,115 ปี ติดจริง 20 ปี พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายกว่าพันล้านบาท คดีหลอกลงทุนธุรกิจกระเป๋าแบรนด์เนม

ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก อดีตประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน กับพวก ทั้งบุคคลและนิติบุคคล ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิด ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

จากกรณีเมื่อปี พ.ศ. 2563-2664 นายประสิทธิ์กับพวก ร่วมกันเปิดบริษัทและชักชวนประชาชนมาร่วมลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม เพื่อมาปล่อยให้เช่าเก็งกำไร โดยจะให้ผลตอบแทน ร้อยละ 40-50 ต่อปี จนมีประชาชนหลงเชื่อร่วมลงทุนจำนวนมาก แต่กลับไม่นำเงินจากผู้เสียหายไปลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม จึงเป็นเพียงอุบายระดมทุนจากผู้เสียหาย สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่า นายประสิทธิ์ ดำเนินธุรกิจโดยรู้หรือควรรู้ว่า เป็นธุรกิจที่ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ตามที่โฆษณา แต่ยังโฆษณาชักชวนผู้เสียหายมาลงทุน ทำให้มีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ถือว่า บริษัท วีเลิฟยัวแบ็ก (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท เหนือโลก จำกัด และนายประสิทธิ์ จำเลยที่ 1, 3, 4 ร่วมกับทุจริตหลอกลวง มีความผิดตามฟ้อง

แต่เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบาท ให้ลงโทษข้อหาหนักสุด คือ ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ให้ปรับ 321 กระทง กระทงละ 500,000 บาท รวมปรับจำเลย 3 ราย รายละกว่า 145 ล้านบาท และจำคุก นายประสิทธิ์ กระทงละ 5 ปี รวม 1,155 ปี แต่ตามกฎหมายให้ลงโทษสูงสุด 20 ปี และให้จำเลยทั้ง 3 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาทคืนให้ผู้เสียหาย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี

ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 6 ราย ไม่มีหลักฐานว่า โฆษณาชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน โดยจำเลยบางส่วนเป็นเพียงลูกจ้างที่ถูกนายประสิทธิ์ ขอให้เป็นกรรมการบริษัทและได้ยื่นใบลาออกไปแล้ว ขณะที่บางคนเป็นเพียงร้านที่ผู้เสียหายมาซื้อทองเพื่อนำไปลงทุนกับนายประสิทธิ์ ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า อธิบดีอัยการฯ ได้ทำความเห็นแย้งเสนอว่า จำเลยทั้ง 9 ราย ร่วมกันกระทำความผิด โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นตัวการร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเชื่อมโยงกับนายประสิทธิ์และบริษัท เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ จึงไม่จำเป็นที่จำเลยแต่ละราย จะต้องกระทำผิดต่อผู้เสียหายแต่ละคนด้วยตนเองก็ได้

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง