‘CTM’ แบรนด์น้องใหม่จาก ‘ชาตรามือ’ เจาะกลุ่ม Specialty Tea มองการชิมชาเป็นงานศิลปะ ด้วยราคาเครื่องดื่มเริ่มต้น 70 บาท

‘CTM’ แบรนด์น้องใหม่จาก ‘ชาตรามือ’ เจาะกลุ่ม Specialty Tea มองการชิมชาเป็นงานศิลปะ ด้วยราคาเครื่องดื่มเริ่มต้น 70 บาท

‘ชาตรามือ’ สร้างว๊าวโมเมนต์ใหม่ เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ชื่อว่า ‘CTM’ ร้านขายชาที่มีความ Specialty มากขึ้น เพราะพฤติกรรมลูกค้า และมุมมองผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ที่มีความหลงใหลใน ‘ชา’ เทียบเท่ากับงานศิลปะที่มีทั้งความหลากหลาย และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

ในภาพรวมตลาดของความเป็น ‘Specialty’ ก่อนหน้านี้คนพูดถึง Specialty Coffee ค่อนข้างบ่อย แต่หากดูจากข้อมูลของ LINE MAN Wongnai ล่าสุด ได้ชี้ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2022-2024) ร้านชาไทยที่เป็นแบบ ‘Specialty’ เปิดขึ้นใหม่ในตลาดประเทศไทยเพิ่มขึ้นสูงถึง 205%

ด้วยคุณภาพของใบชา และความหลากหลายของแหล่งเพาะปลูกในไทย รวมทั้งกำลังการผลิตที่เพียงพอ ทำให้ไทยขึ้นมาสู่การเป็นตลาดค้าใบชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก

[ ประสบการณ์ 80 ปี จากชาในตำนานสู่ชาร่วมสมัย ]

แพรว-พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด และทายาทรุ่น 3 ของธุรกิจชาตรามือ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ความเชี่ยวชาญของชาตรามือกว่า 80 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีชาที่หลากหลาย ซึ่งวัตถุดิบคุณภาพหลายประเภทที่ยังไม่ถูกพรีเซนต์ออกไปให้คนรู้จัก

เธอมองว่า ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคชัดเจน ลูกค้าโหยหาความหลากหลาย มองหาความพิเศษที่ต่างออกไป และก็ยังมีดีมานด์ในตลาดค่อนข่างสูง

“การเปิดแบรนด์ใหม่เหมือนเป็นการหาเวที หาพื้นที่ เพื่อโปรโมตชาที่ยังไม่ถูกถ่ายทอดให้คนรู้จัก การที่เราไม่เพิ่มชาเหล่านั้นเข้าไปในร้านชาตรามือ เพราะอาจเกิดความสับสนในการสื่อสารได้ เพราะร้านชาตรามือมีภาพและเมนูในใจลูกค้าที่ชัดเจนอยู่แล้ว”

สำหรับชาตรามือ มองว่า ชาไม่ใช่แค่เครื่องดื่มที่ให้สดชื่น แต่เป็นเหมือนการสร้างสุนทรียภาพในการดื่ม ใหม่แรงบันดาลใจใหม่ๆ กับทุกคนได้ ทุกคนสามารถเข้าถึงชาคุณภาพได้เหมือนกัน

แพรว-พราวนรินทร์ ได้เล่าว่า ในร้าน CTM ซึ่งหลายคนเข้าใจว่ามาจากคำว่า ‘Cha Tra Mue’ แต่จริงๆ แล้วมาจาก Captivating Tea Muse มีชาประเภทใหม่ๆ กว่า 12 ชนิดเพื่อให้ผู้บริโภครู้จักกมากขึ้น

บางตัวเคยวางขายในร้านชาตรามือ แต่บางตัวก็ยังไม่เคยวางขายมาก่อน ซึ่งหลักๆ ก็มาจากชา 3 ประเภทเป็นพื้นฐาน ก็คือ ชาแดง หรือชาดำ, ชาอู่หลง และชาเขียว โดย CTM จะมีท็อปปิ้งที่น่าสนใจเพิ่มเข้าไป เช่น เนื้อเกาลัดบด, เนื้อส้มโอ ซึ่งเป็นผลไม้สดเพิ่มสีสันให้กับชา

[ ตัวอย่างเครื่องดื่มกว่า 40 เมนูในร้าน CTM ]

CTM ได้ตีโจทย์ออกมาเป็นเครื่องดื่มกว่า 40 เมนู ภายใต้แนวคิด “Muse” ที่เป็นการ ผสาน Base ชาต่างๆ ที่มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่าง เข้ากับท้อปปิ้งหรือผลไม้สดที่สร้างรสชาติใหม่ที่แตกต่าง แล้วก็มีความสนุกขึ้น

โดยมีซิกเนเจอร์เมนู ที่เรียกว่าเป็น ‘Captivating Series’ มีทั้งหมด 6 เมนู ดังนี้ 

  1. ชานมอู่หลงนางงาม ที่จะหอมกลิ่นใบชาคล้ายน้ำผึ้งและผลไม้สุก
  2. ชาจัสมินบลูม เป็นชาเขียวอบดอกมะลิสด จะมีความหอมกลิ่นมะลิ และให้ความสดชื่น 
  3. ชาต้งติ่งเกาลัด เป็นชานมที่ใช้ใบชาตงติ่ง มีความหอมเข้มข้นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ท้อปปิ้งด้านล่างด้วยเนื้อเกาลัดบด ให้รสชาติแปลกใหม่ 

4.ชาขาวไอวอรี่นมปั่น ชาขาวหอมใบชาสดๆ ปั่นนมหอมกลิ่นชา เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่าย ลูกค้าสามารถเพิ่มท็อปปิ้งข้าวโอ๊ตป๊อป ให้เทกเจอร์หนึบหนับเพิ่มความสนุก

5.ชาไทยซีทีเอ็มเครมบรูเล่ ชาไทย CTM ที่มีกลิ่นหอมของชาไทยเข้มข้น ท็อปด้วยครีมชีส เบิร์นไฟ แต่รสชาติละมุน

6.ชาส้มโอทับทิมสยาม เป็นชามะลิผสมกับส้มโอทับทิมสยาม รสชาติเปรี้ยวหวาน สดชื่น มีเนื้อส้มโอเพิ่มรสสัมผัสให้ลูกค้าได้เคี้ยว

[ กลยุทธ์การขยายสาขา เทียบจากแบรนด์ชาตรามือ ]

ถึงแม้ว่า สาขาแรกได้เพิ่งเปิดตัวที่ชั้น LG โซน Parkside Market ที่ห้าง Central Park Bangkok ได้ไม่นาน และราคาเครื่องดื่มอาจจะมีราคาสูงกว่าชาตรามือ โดยเริ่มต้นราคาที่ 70 บาท ไปจนถึง 220 ที่เป็น ‘เมนูยาเมะมัทฉะนม’ (ไม่รวมท็อปปิ้ง)

ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่า CTM ก็คือแบรนด์ลูกของ ‘ชาตรามือ’ แต่เทียบกับปริมาณคนซื้อที่เข้าคิวเต็มหน้าร้าน ถือว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดี มีแนวโน้มที่จะเห็น CTM เพิ่มสาขาขึ้นในอนาคต

โดยกลยุทธ์ของแบรนด์ชาตรามือที่ผ่านมา แพรว-พราวนรินทร์ เผยว่า โดยเฉลี่ยการขยายสาขาของร้านชาตรามือในประเทศ ความถี่จะอยู่ที่ประมาณ 30 สาขาต่อปี ส่วนต่างประเทศจะอยู่ที่ 10 สาขาต่อปี

สำหรับแผนการขยายสาขาของ CTM อาจจะยังไม่มีแพลนชัดเจนเพราะเธอต้องการให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ใหม่ดีเสียก่อน แต่หากดูโมเดลการขยายร้านของชาตรามือ ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะเห็นการติดสปีดของ CTM หลังจากที่พร้อมแล้วก็ได้

เธอยังแชร์ว่า ตามหลักปกติเวลาที่จะเลือกขยายสาขาใหม่ๆ จะดูทั้งโลเคชั่น, จังหวะในเวลานั้น, พฤติกรรมลูกค้า โดยจะเริ่มจากการปักหมุดในเมืองที่มีผู้คนอาศัยเยอะๆ ก่อนเสมอ จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายไปที่รอบนอก ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียงตามหัวเมืองใหญ่

ปัจจุบันชาตรามือทั้งร้านสาขาทั้งหมด 225 สาขาในไทย ส่วนนอกประเทศไทยมีทั้งหมด 130 แห่งใน 13 ประเทศ โมเดลการขยายร้านส่วนใหญ่ยังเป็น Grab and Go ซึ่งอาจจะมีบางสาขาที่มีที่นั่งบ้างแต่ไม่ใช่โมเดลหลักของธุรกิจ

ก็คงเดาๆ ได้บ้างว่า ถ้าภายในปีนี้ CTM จะขยายสาขาใหม่ก็คงจะไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 สาขา แต่มากกว่านั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดีมานด์ของลูกค้า และภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น แต่สำหรับเธอมองว่า กำลังการซื้อของผู้บริโภคยังพร้อมจ่ายอยู่ แม้ว่าตลาดชาจะเป็น red ocean ก็ตาม

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Prakaiporn WriterPrakaiporn

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง