บทสัมภาษณ์ นักแสดง ‘Curtain Call พลิกบทบาททายาทหมื่นล้าน’ เผยเรื่องราวชวนยิ้มหลังม่านการแสดง

Curtain Call พลิกบทบาททายาทหมื่นล้าน เป็นซีรีส์สุดเข้มข้นเรื่องใหม่จาก Prime Video ที่มาพร้อมนักแสดงคุณภาพคับแก้ว โดย Curtain Call เป็นเรื่องราวของ ยูแจฮอน (รับบทโดย คังฮานึล) นักแสดงละครเวทีที่ไม่มีชื่อเสียงนัก ผู้ได้รับบทบาทที่ยิ่งใหญ่ทีสุดในชีวิต อย่างการปลอมตัวเป็นหลานชาวเกาหลีเหนือที่พลัดพรากของ จากึมซุน (รับบทโดย โกดูชิม) ผู้บริหารโรงแรมเครือใหญ่ที่ปรารถนาจะเจอหลายชายก่อนที่เธอจะตาย เขาต้องก้าวเข้ามาสู่ครอบครัวแปลกหน้า และเมื่อแจฮอนเริ่มสนใจ พัคเซยอน (รับบทโดย ฮาจีวอน) หญิงเก่ง หลานสาวของจากึมซุน ทุกอย่างก็เริ่มจะดูซับซ้อนขึ้นทุกที ละครฉากนี้จะปิดม่านลงอย่างไร ติดตามได้ใน Curtain Call พลิกบทบาททายาทหมื่นล้าน แต่มีอะไรเกิดขึ้นหลังม่านบ้าง และการเตรียมตัวก่อนจะ ‘ขึ้นเวที่’ ของเหล่านักแสดงนำจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์นี้

คังฮานึล-ฮาจีวอน-จองจีโซ-โนซังฮยอน
หลังจากอ่านบนแล้ว อะไรที่ทำให้คุณประทับใจมากที่สุดและตัดสินใจที่จะรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้?
คังฮานึล: ผมคิดว่าหลายคนคงจะรู้สึกแบบเดียวกัน ธีมของเรื่องนี้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร และคุณจะไม่ได้เจอบทแบบนี้บ่อยๆ เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร? ผมคิดไปอ่านไป แต่พออ่านบทไปเรื่อยๆ ผมก็สามารถเข้าใจการดำเนินเรื่องและค่อยๆหลงรักเรื่องราวในเรื่องนี้
ฮาจีวอน: ฉันก็เหมือนกันค่ะ ตอนฉันอ่านบทฉันรู้สึกว่ามันแปลกใหม่มาก โครงสร้างของเนื้อเรื่องก็เหมือนกัน มันทำให้ฉันอยากรู้ด้วยว่าฉันจะทำอย่างไรถ้าเหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับฉัน ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องสนุกมากๆ
จองจีโซ: อย่างแรกเลยและเป็นเหตุผลสำคัญที่สุด นี่เป็นโอกาสเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมสำหรับฉัน ในการทำงานร่วมกับนักแสดงท่านอื่นๆที่มากด้วยประสบการณ์ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีมาก และฉันต้องเล่นในซีรีส์เรื่องนี้ให้ได้ อีกทั้งเรื่องราวในเรื่องนี้ก็ยังแปลกใหม่มากๆสำหรับฉัน ฉันรู้สึกเซอร์ไพรส์กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องและอยากจะเล่นเรื่องนี้จริงๆค่ะ
โนซังฮยอน: ผมเองก็เหมือนกันครับ ธีมและเรื่องราวแปลกใหม่และน่าสนใจ และบทบาทที่ผมได้รับการแนะนำจากผู้กำกับก็แตกต่างจากบทอื่นๆที่ผมเคยรับมาก่อน ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้ผมสามารถแสดงด้านใหม่ๆของผมออกมาได้ ผมจึงอยากลองท้าทายกับบทบาทนี้

นี่เป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและน้ำตา คุณช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้มั้ยว่าระหว่างการถ่ายทำ อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกสนุกที่สุดและช่วยเยียวยาจิตใจคุณได้มากที่สุด?
ฮาจีวอน: เรามีฉากกินข้าวในครอบครัว ที่แจฮอนต้องทำเกี๊ยวแบบเกาหลีเหนือ และพวกเราทั้งหมดทั้งนักแสดงรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารและพูดคุยกัน ในตอนที่ถ่ายทำฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก ครอบครัวใหญ่กินอาหารเย็นด้วยกันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในทุกวันนี้ ดังนั้นการที่ทุกคนนั่งล้อมวงที่โต๊ะอาหารเย็น ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นจากข้างใน นี่เป็นช่วงเวลาที่เยียวยาจิตใจและฉันรู้สึกว่าพวกเราคือครอบครัวจริงๆ ถึงแม้การถ่ายทำจะยาก แต่ฉากพวกนี้ช่วยเยียวยาความรู้สึกได้
คังฮานึล: ตอนแรกรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมากมายมากินอาหารเย็นด้วยกัน ผมแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือเมื่อไหร่ ดังนั้นในตอนแรกมันค่อนข้างจะเคอะเขิน แต่พวกเราก็สนุกกันมาก สนุกมากกว่าในบทเองซะอีก อีกอย่างหนึ่งที่เป็นการเยียวยาสำหรับผมคือการที่ได้ร่วมงานกับคุณโกดูชิม ฉากต่างๆที่ผมได้ถ่ายทำร่วมกับเธอ เธอทำให้ผมนึกถึงครอบครัวของผมเอง ดังนั้นนี่จึงช่วยเยียวยาจิตใจผมได้
จองจีโซ: ฉันก็เหมือนกันค่ะ การได้กินอาหารเย็นในครอบครัวร่วมกับทุกคนช่วยเยียวยาได้ แต่รีมุนซึงไม่ได้อยู่ตรงนั้น…
ฮาจีวอน: ไว้มากินข้าวกับเราด้วยสิ
โนซังฮยอน: ช่วยชวนผมด้วย!
คังฮานึล: เขาเป็นตัวละครผู้ลึกลับ เขาก็เลยมากินข้าวกับครอบครัวเราไม่ได้
ฮาจีวอน: แต่คุณจะมาที่บ้านเราเร็วๆนี้ใช่มั้ย?
โนซังฮยอน: ผมจะไปหาพวกคุณเร็วๆนี้
ฮาจีวอน: ทำไมไม่มากินข้าวกับเราตอนนั้นล่ะ?
คังฮานึล: มาเลย! มาเลย!
ฮาจีวอน: คุณจะทำเกี๊ยวอีกหรือเปล่า?
คังฮานึล: เกี๊ยว ได้เลย มันจะเป็นของกินของเรา แวะมากินข้าวกัน

คังฮานึล-ฮาจีวอน
มีข้อความอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้ที่คุณอยากจะถ่ายทอดให้ผู้ชมบ้างมั้ย?
ฮาจีวอน: ตัวละครของฉันเชื่อว่าแจฮอนคือมุนซึงตัวจริง ดังนั้นเธอจึงยินดีมากที่ได้ต้อนรับน้องชายคนเล็กของเธอเข้าสู่ครอบครัว พวกเขาสนิทสนมกันราวกับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่แท้จริง อย่างไรก็ตามเธอได้รู้ว่าแจฮอนไม่ใช่น้องชายตัวจริงของเธอ และเธอจะได้พบกับน้องชายตัวจริง นั่นทำให้ฉันคิดว่าอะไรคือจริงและอะไรคือไม่จริง ความรักที่แท้จริงคืออะไร? คุณต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจึงจะเรียกว่าครอบครัวและมอบความรักในครอบครัวให้แก่กันได้อย่างนั้นหรือ? ฉันคิดว่าทุกคนสามารถเป็นครอบครัวได้ ในชีวิตจริงเรามัวแต่ยึดติดกับคำว่าจริงและปลอม ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ฉันกำลังขบคิดอยู่ อันที่จริงแล้วมันแปลกมากที่เรา (ชี้ไปที่ซังฮยอน) ถ่ายทำฉากด้วยกันเมื่อเร็วๆนี้ ทั้งๆที่เขาเป็นน้องชายตัวจริงของเซยอน แต่ฉันกลับรู้สึกกลัวเขา
โนซังฮยอน: จริงเหรอ? แต่คุณหัวเราะเยอะมากเลยนะ
ฮาจีวอน: ฉันน่ะเหรอ? ไม่มีทาง ฉันกลัวนะ เขาจ้องตรงมาที่ฉันเมื่อฉันเข้าไปในห้อง ฉันเรียกชื่อเขาออกมาว่า “รีมุนซึง!” และเขาก็มองมาที่ฉันแบบข่มขู่ ฉันก็เลยพูดไปว่าไม่เป็นไร
คังฮานึล: นั่นเป็นข้อความที่ดีเลย แล้วอันไหนจริงอันไหนปลอม นี่เป็นแนวคิดที่เราตั้งคำถามกันอยู่แล้วใช่มั้ย?

โนซังฮยอน
Curtain Call เป็นซีรีส์ที่รวมนักแสดงชื่อดังไว้เยอะมาก ผู้ชมจึงคาดหวังอย่างมากกับซีรีส์เรื่องนี้ คุณคิดว่ามีส่วนไหนที่ผู้ชมควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ?
โนซังฮยอน: ผมรู้สึกว่ามีสิ่งต่างๆมากมายที่น่าสนใจให้พูดถึง
คังฮานึล: ใช่ครับ มีหลายอย่างที่เราพูดถึง สิ่งหนึ่งสำหรับผม ผมคิดว่าบทบาทของนักแสดงอย่างพวกเราคือการพยายามถ่ายทอดข้อความของเรื่องราวให้น้อยลง แต่พยายามหาวิธีที่เราจะหลอมรวมไปกับฉากต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติให้มากขึ้น เราสนุกกันแค่ไหนในแต่ละฉาก ผู้ชมจะได้เห็นแจฮอน ไม่ใช่ คังฮานึล เห็นเซยอน ไม่ใช่ ฮาจีวอน ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ผู้ชมควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะใน Curtain Call ผมคิดว่าทำได้ดีในหลายๆฉาก พูดง่ายๆก็คือ สนุกไปกับซีรีส์ โดยให้สนุกไปกับการดูว่าพวกเรานักแสดงเนียนไปกับบรรยากาศต่างๆของ Curtain Call ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากแค่ไหน บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องคอยดู
จองจีโซ: สิ่งหนึ่งที่ฉันสะดุดใจก็คือ ผู้ชมจะเพลิดเพลินถ้าพวกเขาให้ความสนใจกับความคิดที่แว่บเข้ามาในชั่วขณะนั้นระหว่างที่ดูซีรีส์ของเรา น่าจะมีความคิดโน่นนี่ผุดขึ้นมามากมายในหัวของพวกเขา
อะไรที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ที่สำคัญมากสำหรับคุณ และทำไมถึงต้องดูเรื่องนี้?
คังฮานึล: สำหรับผม ส่วนตัวเลยนะ? Curtain Call ทำให้ผมได้พบกับ ฮาจีวอน, จีโซ และ ซังฮยอน
ฮาจีวอน: ฉันกำลังจะบอกแบบนั้นเลย!
คังฮานึล: ผมจะพูดมันก่อน ดังนั้นนั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ Curtain Call นำมาให้ผม
ฮาจีวอน: นั่นเป็นสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่เลย
คังฮานึล: เห็นมั้ยว่าเราเหมือนกันแค่ไหน?
ฮาจีวอน: บังเอิญอะไรขนาดนี้!
คังฮานึล: ทำไมคุณไม่พูดถึงผู้กำกับและคนเขียนบทล่ะ?
ฮาจีวอน: Curtain Call เป็นเหมือนเวทีให้นักแสดงอย่างเราได้แสดงฝีมือ และทุกช่วงเวลาก็มีค่ามาก ฉันได้ร่วมงานกับนักแสดงเก่งๆมากมาย ฉันเริ่มต้นอาชีพนักแสดงของฉันด้วยการทำงานกับคุณโกดูชิม และฉันก็ได้กลับมาร่วมงานกับเธอใน Curtain Call ดังนั้น Curtain Call จึงเป็นเหมือนโอกาสอันล้ำค่า ที่พาฉันไปเจอกับกล่องสมบัติที่เต็มไปด้วยนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากมาย
จองจีโซ: เมื่อพี่จีวอนพูดถึงคุณโกดูชิม…
คังฮานึล: พวกเรากำลังจะหมดคนให้พูดถึงแล้ว
จองจีโซ: ฉันก็เลยอดไม่ได้ที่จะพูดถึงพี่ฮาจีวอนค่ะ พี่ฮาจีวอนและฉัน เราทั้งคู่เคยแสดงซีรีส์เรื่อง Empress Ki ที่จริงฉันแสดงเป็นตัวละครของเธอตอนเด็ก นั่นประมาณเก้าปีที่แล้วใช่มั้ยคะ?
ฮาจีวอน: น่าจะใช่นะ
จองจีโซ: ย้อนกลับไปตอนนั้น ฉันไม่ค่อยได้เจอพี่จีวอนในกองถ่าย มาในตอนนี้ฉันได้เจอกับเธอในกองถ่ายตอนที่ฉันโตขึ้นแล้ว ฉันเคยประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ แต่ตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่สามารถแสดงให้เห็นว่าฉันเติบโตขึ้นและได้เรียนรู้สิ่งต่างๆในระหว่างเก้าปีที่ผ่านมา Curtain Call สำคัญกับฉัน เพราะทำให้ฉันได้กลับมาร่วมงานกับพี่ฮาจีวอนอีก
ฮาจีวอน: ฉันด้วยค่ะ ฉันมีความสุขมากๆที่ได้เจอกับจีโซอีกครั้ง
โนซังฮยอน: มีใครพูดถึงผู้กำกับและผู้เขียนบทรึยังนะครับ?
คังฮานึล: ใช่ ผู้เขียนบทของเรา และ คุณซองดงอิล ยังไม่มีใครพูดถึงพวกเขาเลย
โนซังฮยอน: ผมอยากจะขอบคุณผู้กำกับของพวกเราที่เสนอบทบาทนี้ให้กับผม และเหมือนกับที่ทุกคนบอก ผมมีความสุขที่ได้พบกับนักแสดงชื่อดังเหล่านี้ อย่างที่ทุกคนรู้พวกเขายอดเยี่ยมมาก นับเป็นเกียรติของผมจริงๆครับ

จองจีโซ-คังฮานึล
องค์ประกอบที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งของตัวละครยูแจฮอน คือความซับซ้อนของการรับบทนักแสดงเกาหลีใต้ที่ต้องแสดงเป็นคนเกาหลีเหนืออีกที คุณคังฮานึลออกแบบและตีความสำเนียงของตัวละครอย่างไรคะ และชีวิตจริงคุณก็เป็นนักแสดงละครเวทีด้วย ได้ใช้ประสบการณ์นั้นกับตัวละครนี้หรือไม่?
คังฮานึล: ผมไม่เคยเรียนรู้วิธีการพูดสำเนียงเกาหลีเหนือมาก่อนเลย ผมมีครูสอนและเขาช่วยอัดเสียงบทพูดมาให้ฟัง การยึดติดกับสำเนียงเกาหลีเหนือแท้ๆอย่างเคร่งครัดเกินไป ทำให้ความหมายและความตั้งใจเดิมของบทหายไป ดังนั้นผมเลยปรึกษากับผู้กำกับและครูเพื่อขัดเกลาและปรับแต่งสำเนียงให้กลืนไปกับซีรีส์และเพิ่มคำพูดที่คุ้นเคยมากขึ้น
จริง ๆ แล้วเวลาผมแสดง ผมพยายามใช้ตัวเองเป็นพื้นฐาน ตัวละครต่างๆที่ผมเล่นจะมีความคล้ายกับตัวผมในทางใดทางหนึ่ง ลักษณะหรือช่วงเวลาหนึ่งที่แจฮอนเหมือนผมมากที่สุดในซีรีส์คือ เมื่อมีฉากของแจฮอนในโรงละครเล็ก ฉากเหล่านั้นเกือบจะเหมือนกับตอนที่ตัวผมเองอยู่ในโรงละครเล็ก บทละครในเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นอย่างละเอียดมาก ดังนั้นผมจึงทำให้มันง่ายขึ้นโดยการจำลองประสบการณ์จริงตอนที่ผมอยู่ในโรงละครเล็ก
คุณโนซังฮยอนต้องพูดสำเนียงเกาหลีเช่นกัน มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง และบทนี้มีความแตกต่างจากบทบาทก่อน ๆ อย่างไรบ้าง?
โนซังฮยอน: ผมได้รับบันทึกเสียงบทพูดของผมที่อ่านเป็นสำเนียงเกาหลีเหนือเหมือนกันครับ โดยจะมีครูจะอยู่ในกองถ่ายกับพวกเราในขณะถ่ายทำด้วย มันเป็นขั้นตอนเดียวกับที่พี่ฮานึลอธิบายไป การพูดด้วยสำเนียงเกาหลีเหนือแท้ๆมากเกินไปอาจรบกวนการแสดงอารมณ์ ดังนั้นเราจึงแก้ไขและปรับเปลี่ยนบ้าง
ผมทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างเต็มที่ในการพูดสำเนียงเกาหลีเหนือและแสดงฉากแอ็คชั่นให้ออกมาสมบูรณ์แบบ มันแตกต่างจากบทบาทที่ผมเคยเล่นมาก่อน อย่างเช่นในเรื่อง Pachinko ตัวละครของผมจะเป็นคนอบอุ่นและอ่อนหวาน นี่ทำให้ผมคิดว่าตัวละครตรงข้ามกันเลย ตัวละครของผมในเรื่องนี้แข็งกร้าวและดุดัน ซึ่งเป็นด้านใหม่ที่ผมสามารถแสดงให้เห็นได้

โกดูชิม-ฮาจีวอน
อะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดในบทบาทนี้เมื่อเทียบกับผลงานเรื่องก่อน ๆ ของคุณฮาจีวอนมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหมคะ?
ฮาจีวอน: ฉันอยากแสดงให้เห็นด้านที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ฉันอยากแสดงบทบาทของฉันในฐานะคนที่มีมุมมองที่ชาญฉลาดต่อผู้ชมซีรีส์เรื่องนี้ มีตัวละครในซีรีส์ต่างๆที่ร่ำรวยและมั่งคั่งที่เราเคยเห็นมาแล้ว ดังนั้นฉันจึงอยากแสดงให้เห็นด้านที่แตกต่างจาก “คนรวย” ทั่วไป ด้วยการเพิ่มความฉลาดและวุฒิภาวะ ฉันได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับผู้เขียนบทและผู้กำกับของเราและเน้นย้ำถึงประเด็นเหล่านี้ การแสดงของฉันเคยมุ่งเน้นที่คาแรคเตอร์ตัวละคร แต่คราวนี้ฉันได้รับบทบาทที่ค่อนข้างธรรมดา โดยจะเน้นการแสดงความเป็นผู้ใหญ่
เซยอนเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม เธอมีรูปลักษณ์ที่ฉลาดดูดี ดังนั้นฉันจึงให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และการแต่งตัวของเธอ รวมถึงฉันยังใส่ใจกับอารมณ์และบรรยากาศที่ฉันอยากจะนำเสนอด้วย
บทบาทของคุณจองจีโซในซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากถ้าเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้ของคุณ การแสดงด้านใหม่ในส่วนไหนที่คุณตื่นเต้นที่จะแสดงให้ผู้ชมได้เห็นผ่านซีรีส์เรื่องนี้มากที่สุด?
จองจีโซ: จนถึงตอนนี้ ฉันมีผลงานมากมายในแนวทางที่เจาะจง ดังนั้นเมื่อวิเคราะห์ตัวละครของฉัน ฉันจะไม่ค่อยเน้นไปที่บุคลิกท่าทางของตัวละคร แต่จะเน้นไปที่ลักษณะเฉพาะของตัวละครมากกว่า อย่างเช่น ที่ผ่านมาฉันจะดูหนังเรื่อง “Let Me In” หรือศึกษาเรื่องแวมไพร์ มาในครั้งนี้ฉันใช้วิธีที่แตกต่างออกไป ฉันวิเคราะห์ตัวละครในฐานะคนคนหนึ่งและอารมณ์ของเธอ ฉันคิดว่าฉันพยายามจะแสดงเสน่ห์ของตัวละครออกมาให้มากขึ้น
ทุกครั้งเวลาที่ฉันอ่านบทที่แตกต่างกัน ฉันก็จะรู้สึกแตกต่างกันไป หมายความว่าฉันจะสวมเลนส์ที่แตกต่างกันในการแสดงเป็นตัวละครของฉัน การตีความของฉันในขณะที่อ่านบททำให้ฉันได้ค้นพบตัวละครใหม่ ดังนั้นฉันจึงอยากที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์นั้นในการแสดงของฉันด้วย ฉันอยากแน่ใจว่ามันแสดงให้เห็นในการแสดงของฉัน ซึ่งฉันคิดว่าทำให้ฉันแตกต่างไม่เหมือนใคร
รับชม Curtain Call ได้แล้ววันนี้ ทาง Prime Videos เท่านั้น










