พูดถึง ‘แม่ซื้อ’ คนมักนึกถึงมุก เวลาที่คนเห็นใครพูดอยู่คนเดียว หรือพูดกับตัวเอง จนถูกแซวว่า ‘คุยกับแม่ซื้อเหรอ’ แต่ในบริบทนี้ ‘แม่ซื้อ (Host)’ คือ ภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่เพิ่งขึ้นอันดับ 1 ของ Prime Video แพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ระดับโลก
สำนักข่าว TODAY ชวน ปกป้อง-ไพรัช คุ้มวัน ผู้กำกับภาพยนตร์ แม่ซื้อ (Host) และ ดาริน ดารกานนท์ Head of Central Scripted Series & Movies, International Originals จาก Amazon MGM Studios มาพูดคุยถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนจะไล่เรียงไปถึงศักยภาพของ ‘ผีไทย’ ในตลาดภาพยนตร์โลก ในวันที่การแข่งขันจากประเทศข้างเคียงเริ่มดุเดือดขึ้น
***บนความเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนของภาพยนตร์ แต่ไม่ได้สปอยล์***
เมื่อ ‘ผู้หญิงอยู่ร่วมกัน’ ความตึงเครียดจึงเพิ่มทวีคูณ
“บังเอิญได้ยินเด็กในทีมแซวกันเรื่องแม่ซื้อ ผมก็รู้สึกว่าคำนี้ catchy (ติดหู) ดี แต่ยังไม่รู้แบ็กกราวด์มากนัก แค่รู้ว่าเป็นผีที่มาเลี้ยงเด็ก ตอนแรกเราไม่ได้คิดว่าแม่ซื้อจะมาพร้อมความสยองขวัญ แต่พอมานั่งคิดดีๆ รู้สึกว่าถ้าแม่ซื้อมาเลี้ยงดู และทำอะไรมากกว่านั้น มันก็ทำให้รู้สึกว่า ‘เอ้า…ไอเดียนี้ไปต่อได้’”
ปกป้อง เริ่มต้นเล่าถึงช่วงที่พัฒนาโปรเจ็กต์นี้ ที่พยายามสร้างเรื่องที่มีความ iconic (โดดเด่น) และไม่เคยมีใครทำมาก่อน ด้วยการคิดถึงผีไทยว่ามีตัวไหนบ้างที่น่าสนใจ แต่ยังไม่ถูกนำมาทำเป็นหนัง
ในฐานะผู้กำกับ เขากล่าวถึงแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง แม่ซื้อ ที่เลือกเอานางเทพธิดาที่เชื่อกันว่าคอยดูแลรักษาเด็กทารก อย่าง ‘แม่ซื้อ’ มาเป็นตัวละครเอก ก่อนจะพ่วงเข้ากับฉากหลังที่เป็นเกาะห่างไกล เช่นเดียวกับโรงเรียนดัดสันดานชาย บนเกาะสีชัง ในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือเกาะเต่า และตะรุเตา ซึ่งเคยคุมขังนักโทษการเมือง ในสมัยกบฏบวรเดช ทำให้ตัวละครสามารถมีทั้งอิสรภาพในพื้นที่ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ถูกกีดกันออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ทว่า การนำตัวละครหลัก อย่าง ‘อิง’ เด็กสาวที่ถูกส่งมายังโรงเรียนดัดสันดานพินิจคุณ คุกหญิงล้วนบนเกาะห่างไกล ได้เพิ่มความตึงเครียดบางอย่าง ที่ผูกกับความเป็นหญิง ให้ความรู้สึกแตกต่างกับความเป็นชายล้วน

โดย ดาริน เผยจากมุมมอง ของ Prime Video ว่าการที่ฉากหลังมีแต่ผู้หญิง นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
“ถ้าเป็นสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้หญิงในวัยรุ่นตอนนั้น โดยเฉพาะช่วงอายุ 12-16 ปี เด็กผู้หญิงร้ายกันจริงๆ ดารินเองก็เคยโดนบูลลี่มา ทุกคนคงจำได้ว่าในช่วงนั้น คนเรายังพัฒนาไปไม่ถึงจุดที่จะเข้าใจว่า การกระทำของตัวเอง ส่งผลกระทบต่อคนอื่นแค่ไหน”
เมื่อสิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องจิตใจอย่างเดียว การที่เด็กทุกคนอยู่บนเกาะเดียวกัน อยู่ด้วยกัน ออกไปไม่ได้ ยิ่งทำให้ความตึงเครียดพุ่งสูงมาก
ด้าน ปกป้อง เล่าให้ฟังถึงกระบวนการทำงาน ที่ทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า เรื่องราวของเด็กผู้หญิงเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดอย่างน่าเชื่อถือ โดยทำให้รู้สึกคล้ายผ่านมุมมองของผู้ชายอีกทอดหนึ่ง
“ในทีมบทของเรามีผู้หญิงอยู่ด้วย เขาจะช่วยหาความรู้สึกภายในให้กับตัวละครผู้หญิง เราก็จะคอยรีเช็กกันตลอด แต่เนื่องจากเรื่องนี้ ถูกสร้างบนพื้นฐานของความต้องการลึกซึ้ง ในจิตใจของเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว” ด้วยเคยเรียนหญิงล้วนมาก่อน ที่โรงเรียนราชินีบน… อ่านไม่ผิด ช่วงชั้นประถมเป็นสหศึกษา จึงทำให้ปกป้องพอจะเข้าใจบรรยากาศในโรงเรียนลักษณะนี้
“รู้สึกว่าเด็กหญิงล้วนมันน่ากลัวกว่าเด็กผู้ชาย เราก็เคยเรียนโรงเรียนผู้ชายด้วย เด็กผู้ชายถ้าทะเลาะกันก็แค่ลากกันไปกระทืบๆ แล้วก็จบ แยกย้ายกันไป แต่เด็กผู้หญิงมันเล่นกันไม่จบ เรารู้สึกว่ามันดาร์กดี”
ปกป้อง เล่าว่าเมื่อไปถึงหน้ากอง เขาใช้เวลาพูดคุยกับนักแสดงอยู่ตลอดเวลา เพื่อสำรวจอารมณ์และความรู้สึกที่มีต่อตัวละคร ก่อนจะนำไปสู่การกระทำสำคัญๆ เพื่อให้อิสระในการตีความของนักแสดงเต็มที่
ดาริน ยังเสริมว่า สิ่งที่ทำให้ ‘แม่ซื้อ’ เป็นภาพยนตร์ที่คนทั่วโลกสามารถเชื่อมโยงได้ คือ ‘เรื่องความรุนแรงในโรงเรียน’ เด็กๆ ทั่วโลกยังเผชิญกับสิ่งนี้ นับเป็นประเด็นสากล เช่นเดียวกับแนวคิดของแม่ซื้อ ที่คล้ายกับเทวดาประจำตัว หรือ Guardian Angel ของฝรั่ง แต่พลิกแนวคิดเป็นทางร้าย แทนที่จะมาดี แม้ว่าจะมีความต้องการหลักคือ การปกป้องคนในครอบครัวก็ตาม

หนังผี ไม่ต่างกับ ‘calling card’ แบบไทยๆ
แม้ว่าแนวคิดผีแบบไทย จะพิสูจน์แล้วว่าทำงานได้ดีในระดับประเทศ และภูมิภาคเอเชีย แต่ในระดับโลก ‘ผีไทย’ มีศักยภาพแค่ไหน? เป็นข้อสงสัยสำคัญ ดารินตอบคำถามนี้อย่างมั่นใจว่า “สูงมาก”
“ตอนที่ดารินคุยกับคนที่ไม่เคยมาเมืองไทย และแค่บอกว่าทำงานอยู่ในวงการบันเทิงที่เมืองไทย เขาจะบอกทันทีว่า ‘อุ๊ย เคยดู Shutter นะ’ หรือ ‘เคยดู The Eye นะ’” เธอเปรียบเทียบ ภาพยนตร์สยองขวัญ ว่าเป็น ‘calling card’ หรือลายเซ็นของไทย
“เหมือนเป็นประตูบานใหญ่ให้ผู้ชมต่างประเทศได้รู้จักว่าคนไทยมีวัฒนธรรมยังไง คุณภาพโปรดักชันของเราสูงแค่ไหน และเราสร้างสรรค์ได้ขนาดไหน ภาพยนตร์สยองขวัญนี่แหละ ที่จะเป็น calling card ของเราค่ะ”
ด้าน ปกป้อง ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญ ที่เคยพาคอนเทนต์ไทยไปสร้างกระแสในระดับโลกมาแล้วกับ เด็กใหม่ (Girl from Nowhere) ที่หลายคนรู้จักในนาม ‘แนนโน๊ะ’ ก็คิดว่า ปัญหาที่สังคมไทยกำลังเผชิญนั้น อาจมีจุดร่วมกับประเทศอื่นๆ จนดึงดูดให้สนใจได้ รวมไปถึง รสชาติแบบไทย ที่มีทั้งสนุก ตลก รัก และสยองขวัญในคราวเดียวได้ง่ายๆ และนี่คือสิ่งที่เป็นความพิเศษของคอนเทนต์ไทย
“บ้านเรายังมีปัญหาต่างๆ เยอะอยู่ และเรายังเป็นประเทศโลกที่สาม การที่เราหยิบยกปัญหาเหล่านี้มาเล่า มันอาจกลายเป็นเรื่องที่มีอินไซต์ร่วมกับประเทศอื่นๆ ที่เขาอาจพบเจอปัญหาใกล้เคียงกับบ้านเรา จุดตั้งต้นอาจจะเป็นแค่อะไรง่ายๆ อย่างนั้น”
เมื่อเรื่องราวที่ดี ถูกเล่าผ่านโปรดักชันที่มีคุณภาพ และนำมาถ่ายทอดโดยคนทำงาน ในกองที่มีฝีมือระดับสูง เลยกลายเป็น “เอ๊ะ ได้นะ”
“เขาเรียกว่า quality (คุณภาพ) มันถึง เราอาจชินกับเรื่องที่เกิดขึ้นในไทย แต่พอคนต่างประเทศดู อาจรู้สึกว่ามันเซอร์เรียลจัง อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ ผมพยายามจะเข้าใจเองว่า มันคล้ายๆ กับอาหารไทย นิสัยคนไทย หรือหนังไทยที่มีหลายรสชาติ อย่างที่คุณดารินเคยพูดว่า คนไทยสามารถทำหนังที่มีทั้งความรัก แล้วอีกแป๊บเดียวก็เปลี่ยนไปตลกได้ แป๊บนึงก็เปลี่ยนไปสยองขวัญ มันเหมือนเป็นรสมือที่ไม่ค่อยเหมือนใครในโลก” ปกป้อง เล่า

ดาริน ยังเผยต่อถึงเคล็ดลับของ แม่ซื้อ รวมไปถึงคอนเทนต์ใน Prime Video คือ ความเชื่อเรื่อง customer obsession หรือการเริ่มต้นแนวคิดจากลูกค้าก่อน แล้วค่อยย้อนกลับไปที่วิธีการทำ และถึงแม้จะมีการจับตามองคู่แข่ง แต่ผู้นำของ Amazon หรือในกรณีนี้คือ Prime Video จะมุ่งเป้าไปที่ความสนใจทั้งหมดของลูกค้า
“Secret sauce ที่แท้จริงคือเราไม่เร่งรีบ เราไม่ได้ผลิตแบบโรงงานที่ปั่นอะไรออกมาเร็วๆ คนทำงานใน Amazon จะพูดเสมอว่า ‘customer obsession’ เราทำอะไรเพื่อสร้างความสุขให้กับลูกค้า”
ทั้งผู้กำกับและทีมผู้ผลิตต่างตั้งใจอย่างมาก ดาริน เล่าว่า เมื่อไหร่ที่เล็งเห็นสิ่งที่ต้องพัฒนา พวกเขาต่างทำเต็มที่ เพื่อผลิตหนังที่ผู้ชมทั่วโลกสนุกไปกับมันได้ “เราต้องขอเวลาผู้ชมมาดูหนังสองชั่วโมง มันเหมือนคุณขายก๋วยเตี๋ยว ถ้าคุณอยากเก็บเงินร้อยบาท มันต้องอร่อยจริงๆ ถ้าเราอยากขอเวลาคนมาดูหนังจริงๆ เวลาตรงนี้มันต้องมีคุณค่ามาก”
จะรักษาฐานที่มั่น ‘หนังผี’ อย่างยั่งยืนได้อย่างไร?
แม้ภาพยนตร์สยองขวัญ เป็นหนึ่งในแนวที่ประเทศไทยทำได้ดี แต่ก็มีหลายประเทศที่มีความถนัดใกล้เคียงกัน และดูจะตีตื้นขึ้นมาในตลาดโลกขึ้นเรื่อยๆ ปกป้อง มองว่า คอนเทนต์สยองขวัญระหว่าง ไทยกับอินโด มีความคล้ายกัน คือมีฐานอยู่บนความเชื่อที่แรงกล้ามาก ทว่า เขายังมั่นใจในศักยภาพของคอนเทนต์สยองขวัญไทย
“พื้นฐานคนไทยชอบฟังเรื่องผีอยู่แล้ว ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะมันอยู่ในสายเลือดครับ โดยธรรมชาติ หนังสยองขวัญเป็นตัวแทนสะท้อนอะไรบางอย่างของสังคมอยู่แล้ว แทบทุกประเทศ ผีจะเป็นตัวแทนอะไรบางอย่างเสมอ ตราบใดที่เรายังมีปัญหาให้พูดถึง คอนเทนต์สยองขวัญ ก็น่าจะยังถูกใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในการแปรธาตุให้กลายเป็นหนังสยองขวัญได้”

“มันเป็นแพลตฟอร์ม ที่ทำให้เราสามารถพูดเรื่องที่เราอาจเล่าใน genre (แนว) อื่นไม่ได้ และเวทีสยองขวัญมันเปิดแขนรับเสมอ”
เมื่อสิ่งที่ยืนยันคุณภาพของภาพยนตร์สยองขวัญไทย คือพื้นที่ในตลาดโลก ดังนั้น การที่ แม่ซื้อ ได้รับการคัดเลือกไปฉายใน Scream Festival LA ก็ตอกย้ำสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์ไทย กำลังขยายกลุ่มผู้ชมไปสู่ต่างประเทศ วัฒนธรรมท้องถิ่น กลายเป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายได้ในระดับสากล ความหลอนแบบไทย ที่เคยได้รับเสียงชื่นชมและความสำเร็จตลอดมา อาจจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรได้รับการสนับสนุนไปให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ “แบรนด์ความสยองแบบไทย” ในฐานะสินค้าทางวัฒนธรรม ที่มีศักยภาพสูงสุดชนิดหนึ่งของประเทศ










