สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กำลังพลิกบทบาททางเศรษฐกิจจากประเทศผู้พึ่งพารายได้พลังงาน สู่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศและนวัตกรรมของภูมิภาคในยุคหลังน้ำมัน
การนำบริษัทเทคโนโลยีความมั่นคงชั้นนำมาร่วมจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Defense & Security 2025 ที่กรุงเทพฯ จึงไม่เพียงสะท้อนความตั้งใจ แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืนว่า UAE ต้องการต่อยอดความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง
และการเลือกไทยเป็นหนึ่งในเวทีหลักของปีนี้ ยิ่งตอกย้ำว่า UAE มองอาเซียนเป็นพื้นที่สำคัญในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ โดยใช้กรุงเทพฯ เป็นจุดตั้งต้นเชื่อมต่อสู่ตลาดทั้งภูมิภาค
จาก ‘อาบูดาบี’ ถึง ‘กรุงเทพฯ’ UAE ในยุคเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจอาหรับ
ในงาน Defense & Security 2025 ที่กรุงเทพฯ ปีนี้ UAE ได้นำบริษัทในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของชาติ เช่น Edge Group, Khalid และ BHE Land Systems มาเข้าร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ ภายใต้ธีมนวัตกรรมความมั่นคงยุคใหม่
Saeed Al Mansoori ที่ปรึกษาด้านการจัดแสดงการป้องกันประเทศของ ADNEC Group ผู้ดูแลการจัดนิทรรศการระหว่างประเทศของ UAE ให้สัมภาษณ์กับ TODAY ว่า การมาไทยสอดคล้องกับ Vision 2070 ซึ่งผลักดันประเทศสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีไซเบอร์
“บทบาทของเราไม่ใช่แค่นำบริษัทมาจัดแสดง แต่เพื่อเปิดพื้นที่ให้เกิดการพบปะ พูดคุย และพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาค” Saeed กล่าว
ตลอดสี่วันของงาน ผู้แทนจาก UAE ได้พบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยและอาเซียน รวมถึงผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี ซึ่ง Saeed มองว่าเป็น ‘หัวใจสำคัญ’ ของการมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งนี้
‘ประเทศไทย’ จุดตั้งหลักแรกของ UAE ในอาเซียน
Saeed อธิบายว่า เหตุผลสำคัญที่ UAE นำเทคโนโลยีมาจัดแสดงในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะไทยเป็นเจ้าภาพงานด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค แต่ UAE มองไทยเป็น “ประตูสู่อาเซียน” ที่มีความพร้อมครบ ทั้งทำเล ศักยภาพอุตสาหกรรม และเครือข่ายความร่วมมือ
“ประเทศไทยมีจุดแข็งสำคัญทั้งเรื่องภูมิศาสตร์ แรงงานทักษะสูง และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Saeed กล่าว
ก่อนจะอธิบายต่อว่า UAE มองว่าอาเซียนกำลังเผชิญโจทย์ความมั่นคงรูปแบบใหม่ ตั้งแต่ภัยไซเบอร์ไปจนถึงระบบอัตโนมัติขั้นสูง ภูมิภาคจึงต้องการเทคโนโลยีที่ “ใช้งานได้จริงและรองรับอนาคต” ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่บริษัทจาก UAE ต้องการเสนอความร่วมมือโดยตรง
จาก ‘น้ำมัน’ สู่ ‘เทคโนโลยี’ การเปลี่ยนยุทธศาสตร์ของอาหรับ
Saeed กล่าวว่า การมาตั้งพาวิลเลียนในงาน Defense & Security 2025 ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของ UAE ภายใต้ Vision 2070 ที่มุ่งยกระดับ ‘เทคโนโลยีขั้นสูง–AI–ระบบอัตโนมัติ–ความมั่นคงไซเบอร์’ ให้เป็นเสาหลักใหม่ของเศรษฐกิจควบคู่พลังงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะที่ UAE เร่งเชื่อมพันธมิตรด้านการวิจัย–พัฒนา–ตลาดเข้าด้วยกัน การเข้ามาปักหมุดในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นไปตามยุทธศาสตร์ใหม่วางไว้
เขาอธิบายเสริมว่า UAE กำลังลงทุนครั้งใหญ่เพื่อสร้างฐาน AI และดึงบริษัทเทคโนโลยีจากทั่วโลกให้เข้ามาตั้งในประเทศ ขณะที่บริษัทท้องถิ่นเองก็ได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาเทคโนโลยีที่ “ต่อยอดร่วมกับพันธมิตรได้”
อนาคตความร่วมมือ อาเซียนในสายตา UAE
สำหรับ UAE การเข้ามาในอาเซียนไม่ใช่เพียงการขยายตลาด แต่คือการใช้ภูมิภาคนี้เป็น ‘เวทีพิสูจน์บทบาทใหม่’ ในเศรษฐกิจเทคโนโลยีระดับโลก โดย Saeed ชี้ว่า UAE มองอาเซียนผ่านสามมิติหลัก ได้แก่ ความมั่นคง เทคโนโลยี และความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาว
มิติแรก คือ ความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ ตั้งแต่ภัยไซเบอร์ ระบบไร้คนขับ ไปจนถึงเสถียรภาพในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว เทคโนโลยีจาก UAE ถูกออกแบบให้ “ใช้งานจริง และขยายได้ในอนาคต” ซึ่งตรงกับความต้องการของภูมิภาคนี้
มิติที่สอง คือ การสร้างพันธมิตรด้านนวัตกรรม เมื่ออาเซียนกำลังก้าวจากการ “นำเข้าเทคโนโลยี” ไปสู่การร่วมพัฒนา Saeed ระบุว่า ADNEC ต้องการเชื่อมบริษัท UAE เข้ากับกองทัพ หน่วยงานรัฐ และเอกชนในภูมิภาค ผ่านเวทีที่ทำให้ทุกฝ่ายได้ “พบกันจริง คุยกันจริง”
มิติสุดท้าย คือ โอกาสเชิงยุทธศาสตร์ในระยะยาว อาเซียนกำลังกลายเป็นภูมิภาคที่มีความต้องการเทคโนโลยีด้านความมั่นคงสูงขึ้นต่อเนื่อง การเลือกไทยเป็น “จุดตั้งหลัก” จึงเท่ากับการวางตำแหน่งของ UAE บนเส้นทางเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ทั้งภูมิภาค
คำอธิบายนี้สะท้อนชัดว่า UAE กำลังมองอาเซียน เป็นจุดเริ่มต้นทางยุทธศาสตร์ใหม่ ในยุคที่ AI ระบบอัตโนมัติ และไซเบอร์กำลังกลายเป็นแกนกลางของเศรษฐกิจโลก










