เจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันไร้ค่าจ้างเดือนกว่า ไขปม ‘ชัตดาวน์’ นานสุดในประวัติศาสตร์ กระทบเศรษฐกิจ–บริการสาธารณะทั่วสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันไร้ค่าจ้างเดือนกว่า ไขปม ‘ชัตดาวน์’ นานสุดในประวัติศาสตร์ กระทบเศรษฐกิจ–บริการสาธารณะทั่วสหรัฐฯ

รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ (government shutdown) มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 หลังสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณใหม่ได้ทันก่อนเริ่มปีงบประมาณ ส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลจำนวนมากต้องหยุดดำเนินงานบางส่วน อย่างน้อย 670,000–750,000 คนถูกพักงาน และอีกราว 730,000 คนต้องทำงานโดยไม่รับค่าจ้าง

นับถึงวันนี้ (6 พ.ย.) การชัตดาวน์ล่วงเข้าสู่วันที่ 37 ซึ่งถือว่ายาวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แซงหน้าสถิติเดิมเมื่อปี 2018–2019 ที่กินเวลา 35 วัน สถานการณ์นี้ไม่เพียงกระทบต่อข้าราชการเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมและบริการสาธารณะในหลายมิติ ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ อุทยานแห่งชาติ ไปจนถึงการชะลอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือนของรัฐบาลกลาง 

สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประเมินว่า หากการชัตดาวน์ยืดเยื้อ ผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการชะลอการใช้จ่ายและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลง ในขณะที่พรรครีพับลิกันและเดโมแครตก็ยังคงไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมเรื่องงบประมาณได้ ทำให้หน่วยงานหลายแห่งยังต้องปิดทำการบางส่วน และเจ้าหน้าที่จำนวนมากยังไม่ได้รับค่าจ้างต่อเนื่อง

 

ทำไมรัฐบาลสหรัฐฯ ถึง ‘ชัตดาวน์’?

ต้นเหตุของวิกฤตครั้งนี้เริ่มจากการที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2026 ได้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณของรัฐบาลกลาง เมื่อไม่มีกฎหมายงบประมาณใหม่ หรือร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว (CR) ซึ่งจะช่วยให้ขยายเวลาพิจารณากฎหมายงบประมาณออกไปได้ หน่วยงานของรัฐจึงขาดอำนาจทางกฎหมายในการเบิกจ่ายงบประมาณและต้องหยุดดำเนินงานบางส่วนโดยอัตโนมัติ

ความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต คือสาเหตุสำคัญของการชะงักงันครั้งนี้ โดยเฉพาะในประเด็นการจัดสรรงบประมาณด้านความมั่นคง สาธารณสุข และโครงการช่วยเหลือผู้อพยพ ฝ่ายรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรเสนอให้ตัดงบหลายโครงการและเพิ่มงบด้านความมั่นคงชายแดน ขณะที่ฝ่ายเดโมแครตในวุฒิสภาไม่เห็นด้วย ทำให้ร่างงบไม่สามารถผ่านได้ตามกำหนด

แม้จะมีการเจรจาหลายรอบ เพื่อเสนอร่างกฎหมายชั่วคราวขยายเวลาออกไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ เนื่องจากกลุ่มสมาชิกรีพับลิกันสายแข็ง ปฏิเสธที่จะสนับสนุนหากไม่มีเงื่อนไขลดรายจ่ายเพิ่มเติม สุดท้ายรัฐบาลไม่มีงบดำเนินการ และต้องเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อย่างเป็นทางการตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 1 ตุลาคม 2025

การหยุดทำงานคราวนี้กินวงกว้าง ครอบคลุมหน่วยงานพลเรือนเกือบทั้งหมด ยกเว้นหน่วยงานที่ถือว่า ‘จำเป็นต่อความมั่นคงของชาติ’ เช่น กองทัพ หน่วยควบคุมการบิน และโรงพยาบาลของรัฐบาลกลางบางแห่ง เจ้าหน้าที่ในกลุ่มนี้ยังต้องปฏิบัติงานต่อ แต่ไม่ได้รับค่าจ้างระหว่างชัตดาวน์ พวกเขาจะได้รับย้อนหลังก็ต่อเมื่องบประมาณผ่าน

สถานการณ์นี้สร้างความลำบากอย่างยิ่งให้กับเจ้าหน้าที่ที่ถูกมองว่ามีความจำเป็นเหล่านี้ เพราะพวกเขาต้องทำงานภายใต้ความเครียดที่ไม่มีค่าจ้าง ในขณะที่รู้ว่า สมาชิกสภาคองเกรสและผู้พิพากษา ยังคงได้รับเงินเดือนตามปกติ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่สร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่สาธารณชน

 

เจ้าหน้าที่ต้องทำงานโดยไม่มีค่าจ้าง

ผลจากการชัตดาวน์กินวงกว้างกว่าที่เห็นบนตัวเลข เพราะไม่เพียงเจ้าหน้าที่หลายแสนคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ยังรวมถึงครอบครัวและธุรกิจรายย่อยที่ต้องพึ่งพาการใช้จ่ายของรัฐด้วย เจ้าหน้าที่จำนวนมากต้องรับมือกับภาวะทำงานแต่ไม่ได้ค่าจ้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในหน่วยงานความมั่นคงหรือบริการจำเป็น เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสนามบิน และบุคลากรแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐบาลกลาง หลายคนต้องพึ่งเงินออมส่วนตัว หรือขอรับอาหารจากศูนย์ช่วยเหลือชั่วคราวที่เปิดโดยองค์กรเอกชน

แม้บริการบางอย่างยังคงเปิดอยู่ เช่น สนามบิน หรือไปรษณีย์ แต่แรงกดดันในหมู่เจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานต่อโดยไม่ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นทุกวัน การประท้วงเชิงสัญลักษณ์เริ่มเกิดขึ้นในหลายรัฐ โดยเฉพาะในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเจ้าหน้าที่รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาทางออก หลังต้องทำงานต่อเนื่องโดยไม่มีรายได้รองรับ

 

ความหมายของ ‘ชัตดาวน์’ ต่อสหรัฐฯ และต่อโลก

การชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ครั้งนี้ ไม่เพียงส่งผลต่อหน่วยงานภายในประเทศ แต่ยังสะท้อนความไม่แน่นอนของระบบการคลังและการบริหารจัดการของรัฐบาลกลางในภาพรวม นักวิเคราะห์จากหลายสำนักระบุว่า แต่ละสัปดาห์ของภาวะชัตดาวน์อาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ลดลงราว 0.1% หากสถานการณ์ยืดเยื้อ

ในระดับโลก ความไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐฯ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงินและห่วงโซ่เศรษฐกิจระหว่างประเทศ การชะลอการใช้จ่ายภาครัฐและโครงการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลกลางอาจกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงภาคธุรกิจที่พึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ นักวิเคราะห์จากยุโรปเตือนว่า หากภาวะชัตดาวน์ยืดเยื้อเกินแปดสัปดาห์ เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปอาจสูญเสียมูลค่ารวมมากกว่า 16,000 ล้านยูโร

ในภาพรวม การชัตดาวน์ครั้งนี้สะท้อนถึงความเปราะบางทางการเมืองของสหรัฐฯ เมื่อการเจรจาทางงบประมาณระหว่างสองพรรคการเมืองหลักไม่สามารถหาข้อยุติได้ จนนำไปสู่การหยุดทำงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อเจ้าหน้าที่หลายแสนคน แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกที่ต้องพึ่งพาความมั่นคงทางการคลังของสหรัฐฯ

PattananWriterPattanan

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันไร้ค่าจ้างเดือนกว่า ไขปม ‘ชัตดาวน์’ นานสุดในประวัติศาสตร์ กระทบเศรษฐกิจ–บริการสาธารณะทั่วสหรัฐฯ