ดิสนีย์รายงานผลประกอบการ เผยตัวเลขผู้ใช้งานรวม 152.1 ล้านราย เพิ่มขึ้นมา 14.4 ล้านรายในไตรมาส 3/2022 ซึ่งทำตัวเลขได้เกินความคาดหมายจากที่บริษัทคิดไว้ที่ 10 ล้านราย
ส่วน Hulu มีสมาชิก 46.2 ล้านคนและ ESPN+ มี 22.8 ล้านคน ตัวเลขเหล่านี้ทำให้สมาชิกกลุ่มธุรกิจ DTC (Direct to consumer ) ของดิสนีย์มีจำนวนทั้งสิ้น 221.1 ล้านคน ซึ่งถ้ารวมตัวเลขนี้ถือว่าชนะ Netflix ที่มีอยู่ 220.67 ล้านราย
การเติบโตของ Disney+ ส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้เกิดขึ้นนอกสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยสมาชิก Disney+ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 6 ล้านคน รวมเป็น 49.2 ล้านคน
นอกจากนี้ Disney+ Hotstar ซึ่งวางจำหน่ายในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไทยเราได้ใช้งานนั้น เพิ่มสมาชิก 8.3 ล้านคนเป็น 58.4 ล้านคนแล้ว
นอกจากนี้ ดิสนีย์ยังประกาศข่าวสำคัญว่า Disney+ แบบมีโฆษณากำลังจะมาแล้ว เปิดใช้ปลายปี 8 ธ.ค. เคาะราคาที่ 7.99 เหรียญ โดยรูปแบบโฆษณาจะเป็น 4 นาทีต่อชั่วโมง และจะเริ่มต้นด้วยสปอต 15 และ 30 วินาที
อีกข่าวสำคัญคือ ดิสนีย์ขึ้นราคา Disney+ แพ็กปกติจาก 7.99 เป็น 10.99 เหรียญ หรือจาก 283 บาทเป็น 388 บาท
เท่ากับว่าแพ็กเกจของ Disney+ ในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยแพ็กเกจมีโฆษณาจะใช้ชื่อว่า Disney+ Basic ส่วนแพ็กเกจไม่มีโฆษณาจะกลายเป็น Disney+ Premium โดยเวอร์ชั่นมีโฆษณานั้น จะมีคอนเทนต์เดียวกันกับ Disney+ Premium
ส่วนของไทย ก็จะยังคงได้ใช้แบบเวอร์ชั่น Hotstar ที่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าดิสนีย์จะนำ Disney+ ตัวเต็มเข้ามาในโซนอาเซียน
Rita Ferro ประธานฝ่ายขายโฆษณาของดิสนีย์เผยว่า การแสดงโฆษณานั้น จะไม่มีโฆษณาการเมืองและแอลกอฮอล์ และจะไม่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้งานเด็ก โดยทางบริษัทบริษัทคาดว่าลูกค้า Disney+ จะเลือกใช้แพ็กเกจที่ราคาถูกกว่า และรองรับโฆษณาเมื่อเวลาผ่านไป
สำหรับ Hulu อีกบริการสตรีมมิ่งที่บันเดิลมาด้วยกัน ก็ขึ้นราคาเช่นกัน โดยแพ็กเกจมีโฆษณาขึ้นราคาจาก จาก 6.99 เหรียญเป็น 7.99 เหรียญต่อเดือน หรือจาก 247 บาทเป็น 283 บาท และแพ็กเกจพรีเมี่ยมไม่มีโฆษณาขึ้นราคาจาก 12.99 เหรียญ (459 บาท) เป็น 14.99 เหรียญ (530 บาท) ต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม Netflix ชี้แจงมาว่า ยอดผู้ใช้งานรวม 221 ล้านคนของทาง Disney เป็นการนับยอดบัญชีผู้ใช้บริการสตรีมมิ่งแบบบันเดิลในอเมริกาที่รวม 3 สตรีมมิ่งอย่าง Disney+ / Hulu / ESPN+ ด้วยการนับยอดเป็น 3 บัญชี
ขณะที่ตัวเลข 220.7 ล้านคนของ Netflix จะเป็นยอดผู้ใช้บริการรายคน (หรือรายบ้าน) เท่านั้น ทำให้ Netflix ยืนยันว่า ยอดผู้ใช้ของ Netflix ยังคงสูงที่สุดในตลาดโลกอยู่
ที่มา : Variety, TechCrunch
