
เปิดไทม์ไลน์ 30 วันแรก ภารกิจจัดหาพื้นที่การฉีดวัคซีนและการกระจายวัคซีนโควิด-19 ของภาคเอกชน
วันที่ 5 พ.ค.2564 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานกลุ่มการค้าปลีกและบริการ และหัวหน้าทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ของหอการค้าไทย กล่าวถึงภารกิจการจัดหาพื้นที่การฉีดวัคซีนและการกระจายวัคซีนให้รวดเร็วและทั่วถึง โดยระบุว่า กลุ่มการค้าปลีกและบริการได้นำเสนอพื้นที่ฉีดวัคซีนทั่วประเทศ 302 แห่ง ประกอบด้วย กรุงเทพมหานครจำนวน 66 แห่ง และจังหวัดที่เหลือทั่วประเทศจำนวน 236 แห่ง และดำเนินการลงสำรวจพื้นที่สถานที่จริงเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2564 และได้รับอนุมัติจากกรุงเทพมหานครแล้วจำนวน 14 แห่ง เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2564 และสามารถฉีดวัคซีนได้ 25,000 -30,000 คนต่อวัน ดังนี้
กรุงเทพฯ เหนือ
- SCG บางซื่อ 2,000 คน/วัน
- เซ็นทรัล ลาดพร้าว 2,000 คน/วัน
กรุงเทพฯ ใต้
- สามย่านมิตรทาวน์ 1,500 คน/วัน
- ธัญญาพาร์ค 1,000 คน/วัน
- ทรู ดิจิทัล พาร์ค 1,000 คน/วัน
- เอเชียทีค 2,000 คน/วัน
กรุงเทพฯ ตะวันออก
- เดอะมอลล์บางกะปิ 2,000 คน/วัน
- โรบินสัน ลาดกระบัง 1,000 คน/วัน
- ห้างโลตัส สาขามีนบุรี 1,000 คน/วัน
กรุงธนฯ เหนือ
- เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 1,000 คน/วัน
- ไอคอนสยาม 1,000 คน/วัน
กรุงธนฯ ใต้
- PTT station พระรามสอง 1,500 คน/วัน
- เดอะมอลล์บางแค 2,000 คน/วัน
- BIG C บางบอน 1,500 คน/วัน
นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ คอมพิวเตอร์ เครื่องอ่านบัตรประชาชน ตลอดจนอาหารและเครื่องดื่มสำหรับบุคคลากรและประชาชนทั่วไป หากมีปริมาณวัคซีนเพิ่มมากขึ้นในช่วงเดือน ก.ค.นี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการขยายจุดฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ดังนั้น กลุ่มการค้าปลีกและบริการจึงได้ประสานความร่วมมืออย่างทันทีไปยังเครือข่ายภาคีของหอการค้าไทยและนำเสนอพื้นที่ทั่วประเทศเพิ่มอีก 70 แห่ง ไปเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2564 ทำให้ในขณะนี้ มีพื้นที่เสนอรวมทั้งหมดจำนวน 372 แห่ง ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร จำนวน 82 แห่ง และจังหวัดที่เหลือจำนวน 290 แห่ง
พื้นที่แต่ละจุดในกรุงเทพฯ จะเป็น “ต้นแบบ” พื้นที่ฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และครบวงจร (Total Solutions) ถือเป็นแชนด์บอกซ์นำร่อง สามารถต่อยอดขยายจุดฉีดวัคซีนทั่วประเทศที่ได้รับเลือกจากผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยเราได้เริ่มทำให้เกิดขึ้นจริงโดยทันที
ทั้งนี้ ได้นำร่องดำเนินการฉีดวัคซีนแล้วในพื้นที่ศูนย์การค้าแล้ว คือ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล สมุย เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2564 และศูนย์การค้า เซ็นทรัล ระยอง เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ‘ภารกิจการจัดหาพื้นที่การฉีดวัคซีนและการกระจายวัคซีน’ เป็นผลการดำเนินงาน 30 วันแรกภายใต้ 3 ภารกิจหลัก ของภารกิจ 99 วัน ภายใต้นโยบาย Connect the dots ของนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยที่ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่นอกจากนี้ยังมี 2 ภารกิจ นั่นคือการเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อให้ SME มากกว่า 100,000 ราย เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย รวดเร็ว และกระจายให้ทั่วถึง เพื่อให้ SME ไทยมีแต้มต่อในการดำเนินธุรกิจ และภารกิจกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ (Local Consumption) มากกว่าแสนล้านบาท และมีอัตราการจ้างงานกลับคืนมา 25-30% ของการจ้างงานภาคการค้าปลีกและบริการ
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงในเดือน เม.ย.2564 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนเตียงที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ไม่เพียงพอ ดังนั้น 3 ผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งเป็นสมาชิกของหอการค้าไทย จึงได้รวมตัวกันเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางและรวบรวมการรับบริจาคกล่องลูกฟุก เพื่อทำเตียงสนามให้กับโรงพยาบาลสนาม โดยมีบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (ห้างโลตัส), บริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) โดยในส่วนของเซ็นทรัล รีเทล บริจาคกล่องกระดาษลูกฟูก เพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นเตียงสนาม 6,000 เตียง และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปร่วมกันบริจาคอีก 1,000 เตียง เพื่อรวบรวมให้ได้ครบ 7,000 เตียงภายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยลูกค้าสามารถร่วมบริจาคได้ที่จุดรับบริจาค ณ ห้างร้านและศูนย์การค้าในเครือฯ กว่า 124 จุด ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ผลจากการร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุกคน ทุกภาคส่วน ทำให้เกิดพลังสังคมซึ่งผลักดันให้แผนงานที่เร่งดำเนินการไว้เกิดขึ้นได้จริงและรวดเร็วกว่าที่กำหนด สำหรับช่วงเวลาที่เหลืออีก 69 วัน กลุ่มการค้าปลีกและบริการจะยังคงเดินหน้าภารกิจ ตามนโยบาย Connect the dots ของหอการค้าไทย โดยให้ความสำคัญที่สุดในเรื่อง การเร่งการฉีดและกระจายวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึงและเร็วที่สุด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้ลดลง และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศ
และด้วยการสรรพกำลังของเรา เราพร้อมที่จะประสานงานและสนับสนุนทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน อาทิ กรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด หอการค้าทุกจังหวัด สมาชิกภาคีเครือข่ายของหอการค้าไทย สมาคมค้าปลีกไทย สมาคมศูนย์การค้าไทย สมาคมธนาคารไทย และภาคเอกชนอื่นๆ เรามุ่งมั่นและจะทุ่มเทอย่างจริงจังและจริงใจเพื่อทำให้แผนงานทั้งหมดสามารถเกิดขึ้นได้จริง เราจะเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน” นายญนน์ กล่าวทิ้งท้าย










