กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เร่งสอบสวนโรคหลังพบหมอ-พยาบาลติดเชื้อโควิด-19 ขอให้โรงแรมและโรงพยาบาลที่เป็น ASQ ปฏิบัติตามหลักควบคุมโรค
วันที่ 8 ธ.ค. 2563 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) พร้อมด้วย ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นายแพทย์จักรรัฐ พิธยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ณ ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี
นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า กรณีการพบผู้ติดเชื้อเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานใน Alternative State Quarantine นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุร่วมกับกรมควบคุมโรค ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำได้เข้าสู่ระบบกักกันและเฝ้าระวังอาการทั้งหมดแล้ว ขณะนี้ยังไม่พบการติดเชื้อ
อธิบดี สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงแรมและโรงพยาบาลที่เข้าร่วมเป็นสถานที่กักกัน ต้องปฏิบัติตามหลักการควบคุมจัดการโรคติดต่อ การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 (Infectious Control) และแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษากรณีโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด (CPG) และในวันที่ 9 ธ.ค. 2563 จะมีการประชุมชี้แจงและซักซ้อมแนวปฏิบัติตามคู่มือผู้ปฏิบัติงาน (SOP) ผ่านระบบ Web-ex และ Zoom Meeting โดยขอให้ผู้ปฏิบัติงานในสถานกักกันฯ ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเข้าก็บตัวอย่างเชื้อ และการถอดชุดป้องกัน ที่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องและระมัดระวัง เนื่องจากเป็นจุดเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อได้
ขณะที่ นายแพทย์จักรรัฐ กล่าวว่า ข้อมูลสอบสวนการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์นั้น พบว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเดียวกัน รวม 5 ราย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนคู่ปฏิบัติการของ ASQ โดย 4 รายที่พบล่าสุดวันนี้ เป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ติดเชื้อรายแรก ในเบื้องต้นตรวจผู้สัมผัสรวม 280 ราย เป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 ราย ผลตรวจทั้งหมดไม่พบเชื้อ และกลุ่มเสี่ยงต่ำ 229 ราย ผลออกแล้ว 14 ราย ไม่พบการติดเชื้อ และกำลังรอผล 215 ราย ส่วนสาเหตุการติดเชื้อของกลุ่มดังกล่าว กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมและแถลงให้ทราบต่อไป
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการไปยังโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง ให้กำชับบุคลากรให้เข้มงวดกับการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล และสั่งการให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กำกับดูแลมาตรฐานของสถานกักกันทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ รวมทั้ง ประสานกับกระทรวงคมนาคม ให้เข้มงวดมาตรการควบคุมป้องกันโรคของสนามบิน และบนเครื่องบิน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน
สำหรับกรณีผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินเดียวกับผู้ติดเชื้อหญิง อายุ 51 ปี จ.สิงห์บุรี ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม หากผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกันหรือวันเดียวกันมีความกังวล สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1422
