กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ หรือ DOJ (Department of Justice) ฟ้องร้อง Google ในข้อหา ผูกขาดธุรกิจโฆษณาออนไลน์ และขอให้ศาลออกคำสั่งให้ Google ต้องขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีโฆษณา รวมถึงซอฟต์แวร์สำหรับซื้อและขายโฆษณา มาร์เกตเพลสสำหรับทำธุรกรรม และบริการแสดงโฆษณาดิจิทัล ออกไปจากบริษัทแม่
ในคำฟ้องที่ฟ้องไปยังศาลแขวงสหรัฐในเขตตะวันออกของเวอร์จิเนีย ระบุว่า Google “ทำลายการแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโฆษณา มีการทำแคมเปญอย่างเป็นระบบ ควบคุมเครื่องไม้เครื่องมือที่ผู้เผยแพร่ ผู้โฆษณา และนายหน้าใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการโฆษณาดิจิทัล”
[ ยุคที่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ไม่ง่าย ]
ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา Google โดนรัฐบาลฟ้องผูกขาด 5 ครั้งแล้ว (รวมครั้งนี้ด้วย) ซึ่งเป็นช่วงที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก พยายามควบคุมอำนาจที่บริษัทเทคโนโลยี ทั้งในแง่การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ การครอบงำตลาดโฆษณาดิจิทัล ที่มีรายใหญ่ไม่กี่รายคือ Google, Meta และ Amazon
ปีที่แล้ว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยื่นฟ้อง Google ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และในปี 2020 ทนายความตัวแทนจาก 10 รัฐ ยื่นฟ้องคดีต่อต้านการผูกขาดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการโฆษณา
นอกจากสหรัฐฯแล้ว การฟ้องร้องเกิดขึ้นในหลายประเทศ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
ในการฟ้องร้อง หลายครั้งที่ Google เป็นฝ่ายแพ้คดี ล่าสุดในเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว Google ยอมความจ่ายเงินค่าเสียหาย 391.5 ล้านดอลลาร์ ที่อัยการใน 40 รัฐฟ้องว่าบริษัทเก็บข้อมูลพิกัดของลูกค้าอย่างไม่ถูกต้อง
นอกจากการฟ้องร้องแล้ว หน่วยงานกำกับดูแล ก็พยายามงัดเอากฎหมายมาใช้ เช่น กฎหมาย GDPR (General Data Protection Regulation) กฎคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยุโรป, กฎหมายบริการดิจิทัล (Digital Services Act) และกฎหมายตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act) ที่ออกแบบมาเพื่อคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ครั้งใหญ่
สิ่งที่ต้องจับตาดูต่อจากนี้ในประเด็นผูกขาด คือการเข้าซื้อกิจการ ที่ยังรอการเคาะจากหน่วยงานกำกับดูแลคือ Microsoft เข้าซื้อ Activision Blizzard, Adobe เข้าซื้อ Figma ว่าจะสามารถเข้าซื้อกันได้หรือไม่
ที่มา :
https://www.nytimes.com/2023/01/24/technology/google-ads-lawsuit.html
https://blog.google/outreach-initiatives/public-policy/managing-your-location-data/
