#Saveน้องกินขี้เลื่อย ขึ้นเทรนด์ทวิต หลังมีคลิปรุ่นพี่บังคับรุ่นน้องกินขี้เลื่อย เหตุเกิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน โดยในคลิปรุ่นพี่สั่งให้กินและบอกให้จินตนาการเป็นขนม รุ่นน้องก็กินทั้งน้ำตา กินน้ำตามเพราะกลืนไม่ลง จนมีกระแสในโลกออนไลน์
ด้านคนโพสต์คลิปแย้งว่า ขี้เลื่อยกินได้ ปลวกกินได้ คนก็ต้องกินได้ แค่นี้กินไม่ได้จะเป็นคนดีในสังคมได้อย่างไร ? จึงทำให้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งหลังเป็นกระแส รุ่นพี่จึงไลฟ์ชี้แจงในเฟซบุ๊กว่า รุ่นน้องคนดังกล่าวเอาหนูแฮมเตอร์มาเลี้ยง ระหว่างไปเข้าค่าย 5 วัน แล้วห้องเหม็น เลอะเทอะเต็มห้อง จึงลงโทษให้กินขี้เลื่อยเพราะไม่ทำตามสัญญา แต่สุดท้ายน้องไปบ้วนทิ้งหลังจากจบคลิป
ผศ.ดร.สมบัติ ตาปัญญา นักจิตวิทยาคลินิก และนักวิชาการด้านคุ้มครองเด็ก เผยงานวิจัยว่ามีเด็กถูกรังแกในโรงเรียนถึง 40% เพราะวัฒนธรรมรุ่นพี่-รุ่นน้องที่ทำตามกันมา “อันนี้ก็เป็นวัฒนธรรมที่เขาเรียกว่าปฏิบัติตามๆ กัน โดยมีความรู้สึกว่าเป็นสิทธิถูกต้องชอบธรรมที่จะทำแบบนี้ การที่เด็กเหล่านี้ทำแบบนี้แล้วก็สนุก เพราะว่าเขาไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์ไปกับคนที่เขาทำ มันไม่สัมผัสถึงความทุกข์ของคนอื่น มันขาดตรงนี้ไป ก็อับอาย มีความกลัว มีความกังวลแล้วก็อาจจะฝังใจไปตลอดชีวิต ความทรงจำแบบนี้บางทีเขาเรียกการเกิดบาดแผลทางใจ มันจะไม่ลืมนะครับ กรณีที่ว่าเราสำรวจเรื่องการรังแกกัน มักจะเกิดขึ้นที่ไหน มันจะเกิดขึ้นเวลาที่ผู้ใหญ่ไม่ดูแล ที่เป็นแบบนี้สมมติว่าในหอพัก ครูอยู่ที่ไหน ปล่อยเด็กให้อยู่ตามลำพังใช่ไหม สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ เราต้องดูแลเด็กด้วยความรักความอบอุ่น ใกล้ชิด ไม่ทำร้ายเขา ไม่ทำตัวอย่างให้เขาเห็น โรงเรียนก็ควรมีมาตรการดูแลให้รัดกุม”









