ตอนนี้คนทั่วโลกเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติกันแล้ว เรียกว่ากำลังเข้าสู่ยุคอวสานโควิด-19 กลับเข้าสู่ชีวิตปกติ แต่นอกจากโควิดแล้ว การทำงานในออฟฟิศ 5 วันก็เหมือนจะอวสานตามไปด้วย เพราะหลายผลการศึกษาบอกตรงกันว่า ไม่มีใครอยากเข้าออฟฟิศ 5 วันเต็มอีกต่อไป
แต่สรุปแล้วจริงๆ ควรเข้าออฟฟิศกี่วัน ทุกคนถึงจะทำงานได้ดีที่สุด? นี่คือบทสรุปจาก TODAY Bizview ในยุคหลังโควิด-19
[ เข้าออฟฟิศบ้าง แต่ไม่ใช่ทุกวัน ]
ผลการศึกษาจาก Harvard Business School หลังจากสำรวจพนักงาน 130 คนในปี 2020 โดยแบ่งพนักงาน 130 คนออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อทำการทดลองตลอด 9 สัปดาห์
– กลุ่มแรก ใช้เวลาน้อยกว่า 25% ของเวลาทำงานในออฟฟิศ
– กลุ่มสอง ใช้เวลามากกว่า 40% ของเวลาทำงานในออฟฟิศ
– กลุ่มสาม ใช้เวลาตรงกลางระหว่างสองกลุ่มแรก หรือประมาณ 1-2 วันต่อสัปดาห์ในออฟฟิศ
ผลลัพธ์ คือ กลุ่มสามสามารถผลิตงานได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ และเป็นความแตกต่างที่มี ‘นัยสำคัญ’
เพราะการทำงานแบบไฮบริดระดับกลางนั้นทำให้พนักงานเอนจอยกับความยืดหยุ่น แต่ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเกินไปเหมือนทำงานจากบ้าน
ทำให้ตัวเลือกการทำงานแบบไฮบริดระดับกลางๆ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดระหว่างการเข้าออฟฟิศไปเลยหรือทำงานจากบ้านไปเลย
นอกจากผลจากศึกษาจาก Harvard Business School ก่อนหน้านี้ก็เคยมีงานศึกษาที่บอกว่า การทำงานจากบ้านหรือทำงานแบบไฮบริดให้ผลดีกว่าการทำงานจากออฟฟิศ
อย่างผลการศึกษาจาก Ergotron บริษัทผู้พัฒนาสินค้าสรีรศาสตร์เพื่อการทำงานก็บอกว่า หลังจากสุ่มทดลองกับพนักงาน 1,000 คน หลังคุ้นเคยกับการทำงานแบบไฮบริดในช่วงโควิด-19 พนักงานกว่า 56% สุขภาพจิต สุขภาพกาย สมดุลชีวิต และการทำงานดีขึ้นจริง
ตรงกันกับผลการวิจัยจาก Owl Labs ที่บอกว่า พนักงานที่ไม่ได้เข้าออฟฟิศหรือเข้าบ้างแต่ไม่ตลอด มีความสุขมากกว่าพนักงานที่เข้าออฟฟิศตลอดถึง 22% เพราะมีความเครียดน้อยลง มีสมาธิมากขึ้น มีสมดุลในการทำงานและชีวิต ทำให้สามารถสร้างประสิทธิผลได้มากกว่า
แล้วการทำงานที่บ้านก็ไม่ได้ทำให้พนักงานขี้เกียจขึ้นเลย เพราะข้อมูลจาก Prodoscore บริษัทผู้ผลิตซอฟแวร์ติดตามพนักงานยังบอกว่า ข้อมูลจากผู้ใช้ 30,000 รายแสดงให้เห็นว่า พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น 5% ในช่วงที่ทำงานจากบ้าน
ถ้าพนักงานคนไหนขยันทำงานในออฟฟิศก็จะทำงานที่บ้านได้แบบเดียวกัน
แต่ถ้าคนไหนไม่ขยันตั้งแต่ที่ออฟฟิศที่บ้านก็จะเหมือนกัน
[ ถ้าบังคับเข้า 5 วัน หลายคนยอมลาออก ]
ฟากคนทำงานเองจากผลสำรวจพนักงานกว่า 1,000 คนในสหรัฐอเมริกาของ Envoy ผู้ผลิตซอฟแวร์สำหรับการทำงานก็บอกว่า
หากบริษัทบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศเต็ม 100% อีกครั้ง พนักงานเกินกว่าครึ่งอาจยอมลาออกไปหางานใหม่ โดยพนักงานกว่า 66% บอกว่ากังวลที่จะต้องกลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศ
ความแตกต่างระหว่างเจนเนเรชันมีผลต่อทัศนคติในการกลับเข้าออฟฟิศไปทำงานด้วย เพราะจากผลการสำรวจของ Bloomberg News บอกว่า
ผู้ใหญ่ 39% จะพิจารณาลาออกหากบริษัทไม่ยืดหยุ่นเรื่องทำงานแบบไฮบริด แต่เจน Y และเจน Z ตัวเลขขยับขึ้นเป็น 49% ที่จะพิจารณาลาออกหากต้องกลับเข้าออฟฟิศ 100%
[ ต้นทุนชีวิตพุ่ง ค่าเดินทาง-ค่ากินเพิ่ม ]
นอกจากเรื่องสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตแล้ว ความกังวลเกี่ยวกับ ‘ต้นทุน’ ในการเข้าออฟฟิศก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย
รายงานเรื่อง The sky-high cost of returning to the office จากสำนักข่าว BBC พูดถึงความช็อกของคนทำงานในอังกฤษและอเมริกาที่ต้องเสียรายได้ 1 ใน 4 ของแต่ละวันมาเป็น ‘ต้นทุนการเข้าออฟฟิศ’ ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหารกลางวัน ค่าเสื้อผ้าสำหรับทำงาน และอื่นๆ
โดยเฉพาะยิ่งกับยุคหลังโควิด-19 ที่กินเวลาไปกว่า 2 ปี ทำให้เงินเฟ้อขึ้นกว่าเดิมหลายเปอร์เซ็นต์ ส่งผลกับต้นทุนค่ารถโดยสาร ค่าน้ำมัน รวมถึงค่าอาหารเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าจ้างไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าหรือในบางพื้นที่ก็ลดลง
จนทำให้หลายคนรู้สึกว่า “ถ้าถูกบังคับให้เข้าออฟฟิศอีกครั้ง คือ จ่ายไม่ไหวแล้ว”
[ อีกฝั่งบอก ‘ความเป็นมืออาชีพ’ ต้องฝึกในออฟฟิศ ]
ขณะที่ฝั่งนายจ้างและผู้บริหารอาจจะเห็นต่าง เพราะ ‘อิริค ชมิดท์’ อดีตซีอีโอของ Google ออกมาแสดงความเห็นว่า การเข้าออฟฟิศมีความจำเป็นต่อการทำงาน หลังได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพมาแล้วหลายทศวรรษ
เขาอธิบายว่า การทำงานในออฟฟิศจะช่วยฝึก ‘ความเป็นมืออาชีพ’ ให้กับคนรุ่นใหม่ แบบที่การทำงานทางไกลทำไม่ได้
อย่างเช่นพัฒนาระบบการจัดการตัวเองให้มีประสิทธิภาพ มารยาทการประชุม ทักษะการนำเสนองาน ความเข้าใจการเมืองในออฟฟิศ และการรับมือกับคู่แข่งในและนอกบริษัท
ขณะที่การศึกษาของ AT&T บริษัทข้ามชาติด้านโทรคมนาคม พบว่า 86% ของพนักงานชอบการทำงานแบบไฮบริด แต่ 64% ก็เชื่อว่าบริษัทชอบให้เข้าออฟฟิศ
แถมรายงานยังบอกว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ไม่มีกลยุทธ์รองรับการทำงานแบบไฮบริดอย่างชัดเจน
[ เทรนด์โลกไม่ใช่แค่ลดเข้าออฟฟิศ แต่ลดวันทำงานไปเลย ]
ไม่ใช่แค่ทำงานบ้านบ้าง ออฟฟิศบ้างเท่านั้น แต่การลดจำนวนชั่วโมงการทำงานจาก 5 วันเป็น 4 วันต่อสัปดาห์ก็เริ่มเป็นเทรนด์ใหม่ที่ได้รับความสนใจจากหลายประเทศทั่วโลก
ผลการทดลองกับประชาชนราว 2,500 คนหรือประมาณ 1% ของประชากรวัยทำงานในประเทศไอซ์แลนด์ในปี 2021
โดย ‘รัฐบาลไอซ์แลนด์’ พบว่า การลดชั่วโมงการทำงานจาก 5 เป็น 4 วัน (40 เป็น 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ไม่ได้ทำให้ประสิทธิผลในการทำงานลดลง
หลายครั้งทำให้ได้งานมากขึ้น โดยคนทำงานมีความเครียดและอัตราการหมดไฟลดน้อยลง มีความสมดุลระหว่างการทำงานกับส่วนตัวดีขึ้น
จนถือได้ว่าเป็นการทดลองที่สะท้อนความสำเร็จอย่างล้นหลามของการทำงาน 4 วัน
นอกจากไอซ์แลนด์แล้วก็ยังมีหลายประเทศที่อยู่ระหว่างโครงการทดลองลดวันทำงานอย่างสหราชอาณาจักรหรือว่าสเปน และก็มีประเทศที่เดินหน้าลดวันทำงานจริงแล้ว
อย่าง ‘สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์’ ที่ประกาศลดวันทำงานหน่วยงานของรัฐลงเหลือเพียง 4 วันครึ่ง โดยให้ทำงานเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่มีกิจกรรมทางศาสนาอิสลาม
ล่าสุดอย่างรัฐ ‘แคลิฟอร์เนีย’ ประเทศสหรัฐอเมริกาก็อยู่ระหว่างพิจารณาผ่านร่างกฎหมายลดชั่วโมงการทำงานจาก 40 ชั่วโมง เป็น 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือลดวันทำงานเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์ โดยบังคับใช้กับบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
การลดวันทำงานจาก 5 เป็น 4 ในรัฐแคลิฟอเนียร์ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ฝั่งที่เห็นด้วยนั้น มีผลการศึกษาและผลการวิจัยจำนวนมากที่บอกว่า การทำงาน 4 วันดีอย่างไรโดยเฉพาะในประเด็นการดูแลสุขภาพและดูแลลูกมาสนับสนุน
รวมถึงยืนยันว่า การลดวันทำงานจะทำให้บริษัทเอกชนสามารถซื้อใจพนักงานให้อยู่ต่อได้ในวิกฤตการจ้างงานที่สหรัฐฯ เจออยู่ตอนนี้
ส่วนฝั่งที่ไม่เห็นด้วยบอกว่า อาจทำให้ต้นทุนการจ้างงานสูงขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงจะเกิดการเลิกจ้างและการย้ายออกจากรัฐของบริษัทเอกชนที่มีสิทธิถูกบังคับใช้ร่างกฎหมาย
[ สรุป ]
สรุป คือ แน่นอนแล้วว่าการทำงานแบบไฮบริดหรือเข้าออฟฟิศบ้างราว 1-2 วันเป็นผลดีต่อทั้งคนทำงานและบริษัทมากกว่าการบังคับให้เข้าออฟฟิศทุกวัน
ส่วนจะถึงกับสามารถลดวันทำงานจาก 5 ให้เหลือ 4 วันต่อสัปดาห์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มีต่อชั่วโมงการทำงาน
ย้อนกลับมาที่ ‘ประเทศไทย’ ตอนนี้อาจจะยังไม่ต้องพูดถึงการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ เพราะคนไทยบางคนตอนนี้ยังคงทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ หรือเป็น 5 วันเต็มที่เข้าออฟฟิศทุกวัน
อาจได้เวลาแล้วรึเปล่าที่นายจ้างจะลองมองถึงความเป็นไปได้ของการยกระดับชีวิตคนทำงานอย่างเราๆ เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ดีกว่าติดอยู่กับกับดักการเข้าออฟฟิศแบบเดิมๆ ที่ทำให้นายจ้าง-ลูกจ้างต้องแบกต้นทุนเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น…
ที่มา
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-12/one-or-two-days-in-the-office-is-the-sweet-spot-of-hybrid-work
- https://www.forbes.com/sites/bryanrobinson/2022/02/04/3-new-studies-end-debate-over-effectiveness-of-hybrid-and-remote-work/?sh=4f44dffe59b2
- https://www.bbc.com/news/business-57724779?fbclid=IwAR3Igjo82BPTog767G2r2kFpTII4GM9059NhM1kbR6PgUvNgT96gtrApuq8
- https://cms.workpointtoday.com/uae-switch-weekend-to-sat-and-sunday/?fbclid=IwAR1B70MXnlLCDDh_SFIl4aybK6X_jyAb4GPBsfrE7DbdK92QcTtJ3HZpKJc
- https://www.wsj.com/articles/california-considers-the-four-day-workweek-11649994203 https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2022-04-07/four-day-workweeks-can-burn-you-out
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3608421/
- https://www.cnbc.com/2022/04/06/people-spend-more-than-half-of-the-day-on-busy-work-says-asana-survey.html
- https://www.inc.com/mary-yang/envoy-zynga-hybrid-model-remote-work-survey.html
- https://www.bbc.com/worklife/article/20220420-the-sky-high-cost-of-returning-to-the-office
- https://www.weforum.org/agenda/2022/04/california-four-day-workweek-future-of-work/
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-06-01/return-to-office-employees-are-quitting-instead-of-giving-up-work-from-home?sref=LQZclhPm










