ข่าวใหญ่ในวงการไอทีวันนี้คือ สหภาพยุโรป ลงนามบังคับให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ต้องใช้สายชาร์จรูปแบบเดียวกันคือ USB-C เป้าหมายหลักคือ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และ ลดความยุ่งยากสำหรับผู้ใช้งาน บังคับใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
กฎหมายนี้ แน่นอนว่ากระทบแอปเปิลหนักที่สุด เพราะแอปเปิลยังเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน หรือ iPhone ที่ใช้พอร์ตและสายชาร์จแบบ Lightning
แอปเปิลเริ่มเปิดตัวสายชาร์จแบบ Lightning มาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นการชาร์จที่ง่ายกว่ามือถือแอนดรอยด์มาก เพราะไม่ต้องคอยเล็งว่าเราเสียบถูกด้านถูกมุมหรือไม่
แต่ต่อมาก็เริ่มมีเทคโนโลยีสายชาร์จแบบ USB-C ที่เสียบได้สองด้านเหมือนกัน ใช้กันแพร่หลายในกลุ่มมือถือแอนดรอยด์ และค่อยๆ กลายเป็นระบบชาร์จอุปกรณ์ขนาดเล็กแบบสากล
แอปเปิลเริ่มพยายามปรับตัว ด้วยการเปิดตัวระบบชาร์จ USB-C ในปี 2015 คือ MacBook รุ่น 12 นิ้ว และ iPad Pro ในปี 2018 และ iPad รุ่นหลังจากนั้นก็เป็นระบบชาร์จ USB-C ตามๆ กันมา แต่ตัวมือถือ iPhone 13 ยังคงเป็น Lightning
ประเด็นนี้ทำให้แอปเปิลถูกวิจารณ์แรงมาก ว่าทำไมไม่เปลี่ยนเป็น USB-C เสียที เพราะสายเดียวจะได้ชาร์จได้ทั้ง MacBook, iPad ซึ่งน่าจะสะดวกกว่า สำหรับคนที่มีอุปกรณ์ในอีโคซิสเต็มของแอปเปิลเยอะๆ
กลับมาที่กฎใหม่ของ EU คือจะบังคับใช้กับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาขนาดเล็กและขนาดกลางทั้งหมด รวมถึงโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กล้อง คีย์บอร์ด ลำโพง หูฟัง ชุดหูฟังและหูฟังเอียร์บัด
ส่วนแล็ปท็อปจะต้องได้รับการปรับให้เข้ากับข้อกำหนด 40 เดือนหลังจากมีผลบังคับใช้
ทางคณะกรรมการอียู บอกด้วยว่า กฎหมายใหม่นี้ จะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 11,000 ตัน และช่วยลดผู้บริโภคประหยัดเงินได้ถึง 250 ล้านยูโรต่อปีในการซื้อเครื่องชาร์จที่ไม่จำเป็น
นี่จะเป็นชัยชนะของผู้บริโภคและชัยชนะของสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ที่มา : The Guardian, EU Facebook, EU










