จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถนั่งแท็กซี่ ที่เดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องเจอกับปัญหารถติดน่าปวดหัว เพราะเราไม่ได้เดินทางอยู่บนท้องถนน แต่เราสามารถ ‘บิน’ ไปถึงจุดหมายปลายทางแทน ชีวิตคงสบายขึ้นเป็นเท่าตัว
ปัจจุบัน นวัตกรรมนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว เรียกว่า eVTOLs หรือ Electric vertical takeoff and landing aircraft เรียกแบบชาวบ้าน คือ ‘แท็กซี่บินได้’ และเชื่อว่านวัตกรรมนี้จะกลายเป็นกระแสหลักภายใน 3-5 ปีหลังจากนี้
หมุดหมายสำคัญของ eVTOLs ในปีนี้ คือ ในงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ฤดูร้อนครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส ซึ่งในช่วงสัปดาห์นั้น จะมีการใช้งาน eVTOLs ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ เพื่อลดปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการจัดแข่งขันกีฬา เงียบ ปลอดภัย ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
โดยมีบริษัท Volocopter เป็นผู้ดูแลการให้บริการแท็กซี่บินได้ ให้กับผู้มาเป็นนักท่องเที่ยว ที่มาร่วมงานโอลิมปิกครั้งนี้ เป็นระบบการเดินทางหลักของงาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางด้วยประสบการณ์ใหม่ กับการเสพความสวยงามของวิวแม่น้ำแซนในปารีส
นับตั้งแต่พี่น้องตระกูลไรท์ ได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องบินขึ้นมาในปี 1903 เป็นเวลากว่า 100 ปีแล้วที่การบินของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป อาจจะมีการพัฒนาให้บินได้ไว ได้ไกลขึ้น บรรจุผู้โดยสารได้มากขึ้น
แต่ระบบ Engine ยังเหมือนเดิม คือ การใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้ ซึ่งส่งผลเสียต่อภาวะโลกร้อนมาเป็นระยะเวลายาวนาน จากการปล่อยคาร์บอนในการบินหลายล้านตันต่อปี
ปัญหานี้ทำให้อุตสาหกรรมการบิน กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากหลายภาคส่วน ที่ต้องการให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รักษาสิ่งแวดล้อม
เพราะฉะนั้นทางเลือกในการใช้พลังงานไฟฟ้า ยิ่งเพิ่มขึ้นตามกระแสโลก ทำให้สตาร์ทอัพหลายแห่งทั่วโลกทำการ พัฒนาการเดินทาง ทางอากาศด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า เพื่อแก้ปัญหานี้
ข้อมูลจาก BloombergNEF ประมาณการว่า ทั่วโลก มีโครงการสร้าง ‘แท็กซี่บินได้พลังงานไฟฟ้า’ กว่า 100 โครงการ และมีบริษัทอย่างน้อย 60 แห่งกำลังทำการวิจัยและพัฒนาการเดินทาง ทางอากาศด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า อีกหลายโมเดล
การพัฒนาแท็กซี่บินได้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอนในการบิน และจะช่วยลดปัญหารถติดในเมือง / ช่วยเรื่องการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วน เช่น การไปสนามบินให้ทันไฟท์ / ช่วยเรื่องการช่วยชีวิตผู้ป่วยในเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ไปถึงมือหมอเร็วขึ้น / ช่วยเรื่องการรอดชีวิตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยง่าย มันต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะอุปสรรคสำคัญก่อนที่นวัตกรรมนี้จะถูกใช้งานเป็นกระแสหลัก คือ ปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางการผลิตแบตเตอรี่ / ราคาในการผลิตที่สูง / กฎหมายที่ครอบคลุม / ความปลอดภัยของผู้โดยสาร
โดยในปี 2023 ได้มีการประเมินตลาด evTOLs ไว้ว่า ภายในปี 2030 จะมีมูลค่าสูงถึง 9.7 พันล้านดอลลาร์ มีอัตราการเติบโต 11% ต่อปีเลยทีเดียว
