ชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย โพสต์เตือน ทารกใส้ “face shield” เป็นอันตราย เสี่ยงขาดออกซิเจน อันตรายต่อระบบประสาท และอาจเกิดการบาดเจ็บจากวัสดุที่ใช้บังหน้าได้
ชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศไม่สนับสนุนให้ทารกแรกเกิดใส่ใส่หน้ากาก face shield หรือ face mask และให้ยังให้คำแนะนำการดูแลเด็กทารกในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยข้อความระบุว่า
ตามที่สถานพยาบาลหรือหน่วยงานหลายแห่งได้มีการประดิษฐ์อุปกรณ์ป้องกันใบหน้า หรือ face shield มาสวมใส่ให้แก่ทารถแรกเกิดทั้งขณะอยู่ในโรงพยาบาล และจำหน่ายกลับบ้าน โดยมีการกระจายไปสู่สาธารณะอย่างแพร่หลายในช่วงระยะสถานการณ์โรคโควิด-19 นั้น ทางชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทยได้มีการหารือในคณะกรรมการของชมรมฯ แล้ว มีข้อแนะนำดังต่อไปนี้ ช่องทางการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ใหญ่สู่ทารก
หากอ้างอิงจากมาตรฐานสากลทั้งองค์การอนามัยโลก และ Centers for Disease Control and Prevention ช่องทางการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ไปสู่ทารกแรกเกิดที่สำคัญที่สุด คือการกระจายจากผู้เลี้ยงดูทารก เกิดจาก พ่อแม่ ญาติ หรือพี่เลี้ยง ผ่านทางละอองฝอยจากการจาม หรือไอ การสัมผัสจากผู้เลี้ยงดู
ขณะที่การป้องกันการแพร่เชื้อสู่ทารกที่ดีที่สุด คือ ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสทารก และการใส่หน้ากากอนามัยของผู้เลี้ยงดูหากไม่แน่ใจในอาการของตัวเอง, ผู้มีอาการไม่สบายโดยเฉพาะมีอาการทางระบบหายใจ งดเข้าใกล้, งด การนำทารกแรกเดินออกนอกบ้าน ยกวนการพาไปฉีดวัดซีนตามกำหนด หรือไปพบแพทย์เมื่อมีอาการไม่สบาย, หากจำเป็นต้องพาทารกไปอยู่ในที่ชุมชน ควรปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด โดยห่างจากผู้อื่นประมาณ 2 เมตร, งดการเยี่ยมทารก จากบุคคลภายนอกทั้งที่โรงพยาบาล และที่บ้าน ควรใช้สื่อทางสังคมแทน
ส่วนอาการหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับทารกในการใส่ face shield หรือ face mask เนื่องจากทารกแรกเกิดหายใจทางจมูกเป็นทางหลัก ยังไม่มีความสามารถหายใจชดเชยด้วยการอ้าปากหายใจได้ เมื่อมีการขาดอากาศ หรือ ออกซิเจน ดังนั้นวัสดุต่างๆ ที่นำมาผลิตเป็น surgical mask หรือ non-surgical mask หากมีคุณสมบัติแรงต้านต่อการไหลของอากาศเข้า-ออก สูงเกินไป อาจทำให้ทารกหายใจได้ไม่เพียงพอ และมีโอกาสเกิดการสะสมของก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ได้ เกิดอันตรายต่อระบบประสาทของทารก และวัสดุพลาสติกที่ใช้บังหน้าทารกอาจมีความคมบาดใบหน้า ดวงตา ทารกได้
