กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีคำสั่งปฏิเสธ คำขอรับสิทธิบัตร ‘ยาฟาวิพิราเวียร์’ รูปแบบเม็ดแล้ว หลังทำการตรวจสอบแล้วเห็นว่า ไม่มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น ขณะที่ ผู้ขอรับสิทธิบัตร สามารถอุทธรณ์ ได้ภายใน 60 วัน และหากผู้ใดประสงค์จะผลิตยาดังกล่าว เพื่อใช้ในประเทศก็สามารถดำเนินการได้อยู่
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า การพิจารณาคำขอรับสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ รูปแบบยาเม็ดที่มีการสอบถามความคืบหน้ามาก่อนหน้านี้ ล่าสุด กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้มีคำสั่งปฏิเสธคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรแล้ว ภายหลังจากให้โอกาสผู้ขอได้ชี้แจงเพิ่มเติม โดยผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรพิจารณาแล้วยังคงเห็นว่า การประดิษฐ์ดังกล่าวไม่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น ตามมาตรา 5(2) และมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. สิทธิบัตร พ.ศ. 2522
ทำให้ปัจจุบันไม่มีผู้ใดมีสิทธิผูกขาดในยาฟาวิพิราเวียร์ ทั้งในโครงสร้างสารออกฤทธิ์หลักซึ่งไม่เคยมีการขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทย และรูปแบบยาเม็ด ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้มีคำสั่งปฏิเสธคำขอแล้วในวันนี้ หากองค์การเภสัชกรรม หรือ บริษัทยาสามัญไทยรายอื่นประสงค์จะผลิตยาดังกล่าว เพื่อใช้ในประเทศก็สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ เนื่องจาก กระบวนการของกฎหมายยังเปิดโอกาสให้ผู้ขอฯ สามารถอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการสิทธิบัตร ได้ภายใน 60 วัน หากไม่มีการอุทธรณ์ภายในระยะเวลาดังกล่าว จึงจะถือว่า คำสั่งปฏิเสธของกรมทรัพย์สอนทางปัญญา เป็นที่สุด และเสร็จสิ้นกระบวนการทางกฎหมาย
นายวุฒิไกร กล่าวว่า หากทุกภาคส่วนกำลังช่วยกันแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามบทบาทและหน้าที่ของตนเองภายใต้เป้าหมายเดียวกัน คือ ให้ประชาชนเข้าถึงยาที่จำเป็นได้อย่างทันท่วงที และไม่อยากให้มองว่า สิทธิบัตรเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงยาเพียงอย่างเดียว เพราะหากมองในมุมกลับกัน ตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดในไทยเมื่อต้นปี 2563 มีคนไทยยื่นจดสิทธิบัตร-อนุสิทธิบัตร ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 แล้วกว่า 60 คำขอ เช่น หน้ากากอนามัย ตู้อบฆ่าเชื้อ ยาต้านไวรัส และหุ่นยนต์ขนส่งอาหารในโรงพยาบาล เป็นต้น จึงเห็นได้ว่า สิทธิบัตรก็เป็นประโยชน์สำหรับคนไทยที่จะทำให้ข้ามผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปด้วยกัน
สำหรับ ประเด็นที่มีการเสนอข่าวในบางสื่อว่า ประเทศไทย ไม่สามารถบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตร (Compulsory License หรือ CL) เพื่อผลิตยาที่มีสิทธิบัตรขึ้นเองได้ เนื่องจากติดขัดที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กำลังแก้ไขกฎหมายสิทธิบัตร นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ขอเรียนว่า การแก้ไขกฎหมายสิทธิบัตรที่มีการอ้างถึง ปัจจุบันเป็นเพียงร่างกฎหมายที่อยู่ภายในหน่วยงาน ยังต้องผ่านกระบวนการพิจารณาด้วยความรอบคอบอีกหลายขั้นตอนกว่าจะมีผลบังคับใช้ ดังนั้น การใช้สิทธิ CL จึงยังเป็นอำนาจของกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน










