บริษัทการเงินทยอยแบนรัสเซีย Visa-Mastercard ประกาศจุดยืน ช่วยเหลือยูเครน

ความเคลื่อนไหวของโลกการเงินในสงครามยูเครน ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า Visa กับ Mastercard ประกาศจุดยืน แบนรัสเซีย และพร้อมช่วยเหลือยูเครน

สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงร้อนแรง และส่งผลกระทบกับหลายๆ อุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทการเงินโลกทยอยออกมาแบนรัสเซีย แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร รวมถึงโลกการเงินของรัสเซียจะกระทบมากน้อยแค่ไหน TODAY Bizview จะสรุปเรื่องนี้ให้ฟัง

[ โลกการเงิน ทยอยแบนรัสเซีย ]

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเป็นทางการ และประกาศห้ามทำธุรกรรมทางการเงินทุกช่องทางกับรัสเซีย รวมถึงแบล็คลิสสถาบันการเงินต่างๆ ที่ถูกจัดในจับตามองเป็นพิเศษใน SDN List ของสหรัฐ (Specially Designated Nationals) รวมถึงธนาคารกลางของรัสเซียด้วย

Visa และ Mastercard บริษัทธุรกิจการเงินยักษ์ใหญ่ทั้งสองได้ออกมาประกาศระงับเครือข่ายสถาบันการเงินกับรัสเซียทุกช่องทาง และพร้อมที่จะสนับสนุน สมทบทุนมอบเงินให้กับยูเครนอย่างเป็นทางการ จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

เริ่มด้วย Visa ที่ออกมาแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะช่วยเหลือ สมทบทุนให้กับยูเครนอย่างเต็มที่

Visa บอกว่า สิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญที่สุด คือความมั่นใจถึงความปลอดภัยของทุกคน จากผลกระทบจากสงครามในครั้งนี้

ทั้งตัวองค์กร Visa และพนักงานทุกๆ คน รวมไปถึง Visa Foundation พร้อมที่จะสนับสนุนความพยายามด้านมนุษยธรรม เพื่อช่วยเหลือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน

โดยทาง Visa Foundation จะมอบเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ กองทุนของสหรัฐสำหรับ องค์การยูนิเซฟ เพื่อที่จะสนับสนุนด้านมนุษยธรรมสำหรับประชาชนชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และยังจะนำเงินบริจาคจากพนักงานในองค์กรส่วนนึง รวมมูลค่าเกือบ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ มอบให้กับกองทุนยูเครน ของยูนิเซฟและองค์กรกาชาด

อีกหนึ่งธุรกิจการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Mastercard ก็ออกมาประกาศว่า ทางแบรนด์ได้บล็อคสถาบันการเงินออกจากเครือข่ายของตนแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด และรายชื่อออกมา

สิ่งที่ Mastercard เปิดเผยชัดเจน คือพร้อมที่จะช่วยเหลือ และสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ โดยจะบริจาคเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับกองทุนขององค์กรกาชาด และช่วยเหลือเด็กที่อาจจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ รวมถึงกองทุนอื่นๆ ที่สนับสนุนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อยูเครนเช่นกัน

การสั่งระงับครั้งนี้ของ Mastercard เป็นหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากในปี 2021 ที่ผ่านมา รายได้ของ Mastercard มาจากการทำธุรกรรมการเงินทั้งภายในและนอกรัสเซียอยู่ที่ 4% ส่วนรายได้จากยูเครนมีเพียง 2% เท่านั้น

[ แล้วผลกระทบคืออะไร? ]

ผลกระทบของการคว่ำบาตรในครั้งนี้ จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมการเงินในรัสเซียและทั่วโลกพอสมควร

โดยเฉพาะในรัสเซียเองที่มีภาพของประชาชน รีบวิ่งไปที่ตู้เอทีเอ็มเนื่องจากมีความกังวลใจว่า บัตรถอนเงินของธนาคารต่างๆ อาจหยุดทำงาน หรือธนาคารอาจจำกัดการถอนเงินสดก็เป็นได้

ไม่นานมานี้ ทางธนาคารกลางของรัสเซียยังประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยจาก 9.5% เป็น 20%

พร้อมทั้งประกาศสภาวะฉุกเฉินจากการปรับใหญ่ในครั้งนี้ นอกจากนั้นก็เน้นย้ำธุรกิจต่างๆ หรือบริษัทที่เน้นการส่งออก ให้ขายสกุลเงินต่างชาติที่มีอยู่ทั้งหมด เนื่องจากสกุลเงินรูเบิลของรัสเซียเอง ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ทางธนาคารกลาง ระบุด้วยว่า ทางธนาคารได้ตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4% เพื่อสร้างความมั่นคงในทางการเงิน และเพื่อที่จะนำอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไปสู่ระดับที่สามรถชดเชยค่าเงินอ่อนค่าที่เพิ่มขึ้นและความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้ออีกด้วย

[ หรือคริปโตจะเป็นทางออก? ]

สุกลเงินดิจิทัลอย่างเหรียญคริปโตเอง ดูอาจจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเงินของชาวรัสเซียในขณะนี้ เนื่องจากธนาคารกลางของรัสเซียไม่ได้เป็นคนดูแลและจัดการเหรียญคริปโตโดยตรง

แต่แล้วข่าวล่าสุดคือ Binance บริษัทแพลตฟอร์มเทรดคริปโตรายใหญ่ของโลก ออกมาประกาศว่า จะบล็อคบัญชีผู้ใช้ของชาวรัสเซียที่ถูกแบล็คลิสเอาไว้ แต่ก็ได้บอกไวด้วยว่า จะไม่ระงับบัญชีผู้ใช้ของชาวรัสเซียทุกคน ถึงแม้ว่ายูเครนได้ส่งคำร้องขอให้ปิดบัญชีผู้ใช้ทุกคนในก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

นอกจากหลายๆ ธนาคารทั่วโลกที่ออกมาตัดความสัมพันธ์กับรัสเซียจากการกระทำที่ “รับไม่ได้” แล้ว ด้านของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และแคนาดา ยังได้ออกมาประกาศปิดน่านฟ้า ไม่ให้เครื่องบินรัสเซียผ่านและเข้าสู่ประเทศอีกด้วย

นอกจาก Visa และ Mastercard ที่ได้ออกมาประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่ให้การสนับสนุนรัสเซียโดยเด็ดขาด สถาบันทางการเงินนานาชาติเอง ก็ทยอยออกมาแสดงจุดยืนของตัวเอง และพร้อมที่จะค่ำบาตรรัสเซียเช่นกัน

หลังจากนี้ต้องติดตามต่อว่ารัสเซียจะยังมีจุดยืนนี้อีกต่อไปมั้ย เพราะดูเหมือนว่า สถานการณ์ในรัสเซียเองก็วุ่นวายอยู่มากแล้ว

ที่มา