เจ้าหน้าที่ 6 หน่วยงานลงตรวจสอบพื้นที่ไฟไหม้สำเพ็ง ขณะที่ กฟน.ยังไม่สรุปสาเหตุหม้อแปลงระเบิด เผยหม้อแปลงที่เกิดเหตุใช้งานมาแล้ว 20 ปี มีการบำรุงรักษาตามมาตรฐาน ปกติหม้อแปลงแต่ละลูกจะมีอายุการใช้งาน 25 ปี
เหตุไฟไหม้สำเพ็ง ล่าสุดตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 มิ.ย. 2565) มี 6 หน่วยงาน คือสำนักงานเขตสัมพันธ์วงศ์ การไฟฟ้านครหลวง ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สภาวิศวกร และกรมโยธาธิการและผังเมือง ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารที่เกิดเพลิงไหม้
จากการตรวจสอบพบว่า อาคารภายในเสียหายเกือบ 100% พบห้องที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายถุงพลาสติก เป็นจุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด เพราะผนังของอาคารเป็นอิฐก่อเสริมโครงเหล็ก เมื่อเจอความร้อนเหล็กจึงเสียรูป ทำให้พื้นแอ่นตัวลามไปจนถึงชั้น 3 และความร้อนยังแผ่ไปจนถึงผนังด้านหลังอาคารจนบิดตัวเช่นกัน ส่วนห้องที่ 3 ที่อยู่ใกล้กับหม้อแปลง แต่ความเสียหายไม่มาก เพราะโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังจากนี้ต้องตรวจสอบตามหลักวิศวกรต่อไป
นายวิลาส เฉลยสัตน์ ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ชี้ชัดว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เพราะยังไม่สามารถขึ้นไปดูที่หม้อแปลงได้ แต่ว่าจากการดูภาพที่มีคนส่งภาพให้ดู เห็นว่ามีควันขึ้น มีไฟไหม้ อาจจะมีหยดน้ำมันลงไปโดนสายไฟ ถังแก๊ส อาจต้องไปดูสาเหตุอีกทีว่าเกิดจากอะไรกันแน่
ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่า หม้อแปลงระเบิดนั้นตามข้อเท็จจริงไม่ใช่ระเบิด ถ้าระเบิดจะต้องแตกเป็นชิ้น ซึ่งต้องตรวจก่อนโดยปกติหม้อแปลงแต่ละลูกจะมีอายุการใช้งาน 25 ปี ส่วนหม้อแปลงที่เกิดเหตุ มีอายุใช้งานมาแล้ว 20 ปี
ยืนยันที่ผ่านมามีระบบการตรวจสอบบำรุงรักษาเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งหม้อแปลงนี้เพิ่งตรวจสภาพการใช้งานล่าสุดไปเมื่อกลางปีที่แล้ว ส่วนที่วันเกิดเหตุมีพนักงานการไฟฟ้ามาตรวจสอบ นั้นเป็นการมาดึงสาย มาซ่อมสายไฟที่ชำรุด ซึ่งเป็นขั้นตอนบำรุงรักษาปกติ ส่วนปัญหานั้นอาจจะเกิดจากอุปกรณ์
ส่วนการติดตั้งหม้อแปลงนี้เป็นไปตามมาตรฐาน คือห่างจากอาคาร 60 เซนติเมตร ส่วนการชดเชยเยียวยาความเสียหาย จะรับผิดชอบตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจากหม้อแปลง และเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนผู้เสียหายจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ด้านนายเกียรติศักดิ์ แซ่แต้ เจ้าของอาคารที่เสียหาย ระบุว่าตอนนี้อยากจะเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินความเสียหายก่อน แล้วประเมินอีกครั้ง ยืนยันว่าที่เกิดเพลิงไหม้ ต้นเหตุมาจากหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งต้องการที่จะคุยกับกฟน. ถึงการเยียวยา และจะหารือกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ว่ามีแนวทางจะฟ้องค่าเสียหายอย่างไร










