แม้ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยยังเผชิญความท้าทาย แต่ตลาดค้าปลีกกลับมีพลวัตใหม่ๆ ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม สินค้าไลฟ์สไตล์–ของขวัญ ที่ยังเติบโตจากพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น และมองหาความสุขเล็กๆ ผ่านการ “ช้อปปิ้งเทอราพี” ที่ผสมผสานดีไซน์ ความสนุก และราคาที่เข้าถึงได้
ข้อมูลจาก Euromonitor และ NielsenIQ ระบุว่า ตลาดค้าปลีกของขวัญและสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยมีมูลค่ากว่า 30,300 ล้านบาทในปี 2567 และยังเติบโตต่อเนื่องกว่า 7% ต่อปี สะท้อนว่ายังมีช่องว่างให้ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) มองเห็นโอกาสนี้ จึงคว้าสิทธิ์แฟรนไชส์แต่เพียงผู้เดียวในไทยของ ‘Flying Tiger Copenhagen’ แบรนด์วาไรตี้ชื่อดังจากเดนมาร์ก ที่มีสาขากว่า 1,000 แห่งใน 41 ประเทศทั่วโลก และเพิ่งเปิดสาขาแรกในไทยที่ เอ็มสเฟียร์ ไปเมื่อเร็วๆ นี้
โดยจุดขายของ Flying Tiger Copenhagen อยู่ที่ดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียนที่สนุกและเข้าถึงง่าย สินค้าหมุนเวียนทุกเดือน ตั้งแต่ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์จัดปาร์ตี้ ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกว่าจะได้เจออะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ
‘กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เล่าให้ฟังว่า ด้วยความที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ อยู่ในตลาดเฟอร์นิเจอร์มานาน เลยอยากจะหาธุรกิจใหม่ๆ ที่เชื่อมต่อกับธุรกิจเดิมและเราเชี่ยวชาญ ประกอบกับเห็นช่วงว่างของธุรกิจค้าปลีก เลยเลือกคว้าสิทธิ์แฟรนไชส์แต่เพียงผู้เดียวในไทยของ Flying Tiger Copenhagen มาเปิด
โดยที่ Flying Tiger Copenhagen เป็นแบรนด์ที่มีดีไซน์แตกต่างจากแบรนด์ที่มีในตลาด สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ดีไซน์ขึ้นมาเอง เหมาะกับการเจาะกลุ่มลูกค้า Millennials–Gen Z ที่ชอบ อะไรใหม่ๆ เพราะกลุ่มนี้ 70% เข้าร้านเพื่อมองหา “อะไรใหม่ๆ” หรือ “สินค้าที่คาดไม่ถึง” อีก 50% มองหาของขวัญชิ้นเล็กๆ หรือของฝาก และอีก 45% เลือกสินค้าที่ทำให้ชีวิตประจำวันสนุกขึ้น
โดยสินค้าของ Flying Tiger Copenhagen มีมากกว่า 1,700 SKUs (รายการ) รวม 14 กลุ่มสินค้า เช่น แกดเจ็ต เกมส์ ของใช้ในบ้าน และเครื่องครัว ไอเทมสำหรับงานอดิเรก สำหรับกิจกรรมยามว่าง เครื่องเขียน อุปกรณ์จัดงานเลี้ยงและปาร์ตี้ ของเล่นเด็ก อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์สำนักงาน ของขวัญและสินค้าตามเทศกาล เป็นต้น
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Flying Tiger Copenhagen ก็คือ ‘ราคา’ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 35 บาทขึ้นไป ด้วยสินค้าที่หลากหลายกับราคาที่ย่อมเยาทำให้ผู้บริโภคที่งบน้อย 100 บาทก็สามารถซื้อสินค้าจากร้านนี้ได้หลายชิ้น
สำหรับสาขาแรกที่เปิดที่ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดย ‘กฤษชนก’ ให้เหตุผลที่เลือกโลเกชันนี้ว่า “การขายสินค้าราคาจับต้องได้ต้องอาศัยทราฟฟิกจำนวนมาก ร้านจึงต้องปักหมุดในทำเลที่มีผู้คนหนาแน่น อย่างศูนย์การค้า สำหรับสาขาแรกที่ เอมสเฟียร์ ถือเป็นทำเลใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก ตอบโจทย์ทั้งชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรปและญี่ปุ่นที่นิยมเดินย่านนี้ รวมถึงนักเรียนอินเตอร์ชาวไทย ภายในร้านมีพื้นที่กว่า 160 ตารางเมตร รองรับการเลือกซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์ได้อย่างเต็มที่”
โดยแผนในอนาคตของ Flying Tiger Copenhagen ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีเพิ่ม 30 สาขาใน 3 ปี ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท โดยเลือกทั้งโลเกชันในห้างสรรพสินค้าหลัก และสาขาภายในอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์เอง เพื่อสร้างทั้งรายได้และทราฟฟิกกลับเข้ามาในธุรกิจหลัก
นอกจากจะเป็น New Growth Engine ของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์แล้ว การเปิด Flying Tiger Copenhagen ยังสะท้อนภาพการพลิกบทบาทจากผู้เล่นเฟอร์นิเจอร์–ของแต่งบ้าน สู่การเป็น “Living Lifestyle Retailer” ที่ตอบโจทย์ทั้งความต้องการใช้งานและความสุขเล็กๆ ของผู้บริโภคยุคใหม่ด้วย











