ฟู้ดเดลิเวอรี่ ธุรกิจที่ยังไม่มีใคร ‘มีกำไร’

ฟู้ดเดลิเวอรี่ ธุรกิจที่ยังไม่มีใคร ‘มีกำไร’

ธุรกิจ

ถึงจะให้บริการมานานแล้ว แต่ธุรกิจแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ในไทย ยังไม่มีเจ้าไหนที่มีผลประกอบการเป็น ‘กำไร’ ได้

โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา ผู้เล่นรายหลักๆ ในไทยแม้จะมีรายได้เติบโตขึ้นจากปีก่อน แต่โดยรวมแล้วทุกรายก็ยังขาดทุนต่อเนื่อง

อย่าง ‘แกร็บ’ ที่มีทั้งบริการเรียกรถ ฟู้ดเดลิเวอรี่ ซื้อของ ปล่อยสินเชื่อให้ไรเดอร์และพันธมิตรร้านค้า ทำให้ปีนี้กวาดรายได้ไปถึง 11,375.6 ล้านบาท เติบโตขึ้น 57.65% แม้จะขาดทุนลดลงมากจากปี 2562 แต่ก็ยังขาดทุนอยู่ที่ 325.3 ล้านบาท

ขณะที่ ‘ฟู้ดแพนด้า’ แพลตฟอร์มรับ-ส่งอาหารที่ให้บริการในไทยเป็นรายแรก และให้บริการมากว่า 10 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ขยายบริการไปยังการซื้อของ แต่ดูเหมือนว่าฟู้ดแพนด้าจะวิกฤตหนักสุด

โดยปี 2564 ฟู้ดแพนด้าขาดทุน 4,721.6 ล้านบาท รวม 3 ปีหลังสุดขาดทุนสะสมไปแล้วเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งฟู้ดแพนด้าบอกว่าแนวโน้มก็ยังน่าจะขาดทุนต่อเนื่อง เพราะยังต้องลงทุนพัฒนาเพิ่มเติมอีก

ส่วน ‘ไลน์แมน’ ที่มีทั้งบริการรับ-ส่งอาหาร ซื้อของ ส่งของ เรียกรถแท็กซี่ ปีที่แล้วก็ขาดทุนไป 2,386.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ อย่างต่อเนื่อง

และน้องใหม่มาแรงที่เปิดตัวเพียงไม่นานก็สามารถขึ้นเป็นเบอร์ 2 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลไปเรียบร้อยแล้ว ‘โรบินฮู้ด’ ปีที่แล้วก็ขาดทุนไปเช่นกัน 1,335.4 ล้านบาท

แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชันที่ให้บริการในประเทศไทย แต่ผู้เล่นระดับโลกอย่าง Uber Eats และ DoorDash ก็ยังไม่สามารถทำกำไรจากบริการรับ-ส่งอาหารได้เช่นกัน

ดังนั้น จึงดูเหมือนว่าการขาดทุนจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก และเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับธุรกิจแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่ไม่ต่างจากสตาร์ทอัป คือในช่วงแรกจะเน้นการ ‘เผาเงิน’ หรือลงทุนมหาศาลไปกับการพัฒนาระบบ ทำการตลาด แข่งขันการดุเดือดรุนแรงผ่านการอัดโปรโมชั่น จนยอมขาดทุนเพื่อสร้างฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด

และที่ยอมขาดทุน ก็เพราะว่าแพลตฟอร์มเองก็ได้ประโยชน์ด้วย หลักๆ เลยแน่นอนก็คือ ‘ดาต้า’ หรือข้อมูลผู้ใช้ ที่สามารถเอาไปต่อยอดได้อีกในอนาคต

มากไปกว่านั้นคือในเรื่องของ ‘ผลประโยชน์แบบอ้อมๆ’ อย่างกรณีของโรบินฮู้ด จาก SCB ที่ตั้งแต่เปิดตัวมาก็บอกว่านี่เป็น CSR ช่วยคนตัวเล็ก ไม่เก็บค่า GP จากร้านค้า แต่ก็ได้ประโยชน์ในเรื่องการหาฐานลูกค้าให้ SCB เพราะร้านค้าที่อยู่บนโรบินฮู้ด ต้องเปิดบัญชีกับ SCB นั่นเอง

ส่วนแต่ละบริษัทจะเผาเงินไปถึงตอนไหน และเริ่มทำกำไรได้เมื่อไหร่ เรื่องนี้เราอาจจะต้องติดตามดูกันต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง
KanokwanWriterKanokwan
Business Journalist อดีตผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์ และ Forbes Thailand Online
สนใจเรื่องความเคลื่อนไหวของแบรนด์ เทคโนโลยี โลกอนาคต ชีวิตการทำงาน ความเหลื่อมล้ำ และความเป็นอยู่ของผู้คน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง