เป็นประเด็นถกเถียงขึ้นมาเมื่อ Eric Schmidt อดีตซีอีโอ Google เข้าร่วมงาน talk ของ Stanford University พูดถึงเกมการแข่งขันใน AI ที่ตอนนี้ Open AI กลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามอง
ในการพูดคุยมีคำถามขึ้นมาจากศาสตราจารย์ท่านหนึ่งถึงสาเหตุที่ Google สูญเสียความเป็นผู้นำเรื่อง AI ให้กับสตาร์ทอัพเกิดใหม่อย่าง OpenAI และ Anthropic
มีประโยคหนึ่งเชาพูดขึ้นมาว่า work-life balance was ‘more important than winning หรือ Google คิดว่าสมดุลการทำงาน สำคัญกว่าการชนะในเกมธุรกิจ และเหตุผลที่สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จก็เพราะว่าผู้คนทำงานอย่างหนัก
ทันทีที่วิดีโอดังกล่าวเผยแพร่ออกไป แน่นอนว่าสังคมเสียงแตกทันที เพราะคนทำงาน สหภาพแรงงานต่างพยายามต่อสู้เพื่อสุขภาวะที่ดีในการทำงานมาอย่างยาวนาน แนวคิดของ Schmidt จึงเป็นเรื่องน่ากังวลในสายตาของแรงงาน
ต่อมา Schmidt ก็ออกมาขอโทษถึงสิ่งที่เขาได้พูดไป และทางมหาวิทยาลัยก็ยอมลบวิดีโอดังกล่าวออกไปแล้ว
Schmidt เป็นผู้นำ Google ตั้งแต่ปี 2001- 2011 ก่อนจะส่งต่ออำนาจให้กับ Larry Page ผู้ก่อตั้ง แต่เยายังคงเป็นประธานบริหารและที่ปรึกษาทางเทคนิคของ Google จนถึงปี 2020
หลังจากปี 2020 อย่างที่เรารู้กันคือโลกเข้าสู่ภาวะโรคระบาด การทำงานที่บ้านเป็นสิ่งที่ถูกบังคับต้องทำ และบริษัทเทคโนโลยีก็มีความสามารถที่จะทำแบบนี้ได้ เพราะมีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม ระบบทำงานทางไกลพร้อม หลังจาก Schmidt วางมือจาก Google ไป สภาวะการทำงานของ Google ก็เปลี่ยนไปจากที่เขาคุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม Schmidt ไม่ใช่คนเดียวที่โทษว่า WFH เป็นภัยต่อ productivity อย่าง Elon Musk ก็เคยประกาศว่าพนักงานควรอุทิศตัว ทำงานหนัก และเรียกคนกลับเข้าออฟฟิศ
มีข้อมูลจาก BambooHR บริษัทด้านทรัพยากรบุคคลในสหรัฐฯ ด้วยว่า ผู้บริหารที่ใช้นโยบาย RTO หรือ Return to Office เจอปัญหาพนักงานลาออกเป็นจำนวนมาก หรือต่อให้พนักงานไม่ลาออก ก็พบว่าการมีส่วนร่วมในการทำงานลดลงอย่างมาก
เป็นเรื่องที่คงต้องถกเถียงไปอีกยาวนาน ซึ่งเราเริ่มมองเห็นทางที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายคือ ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ หรือ 3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนทำงาน และการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีที่ต้องยอมรับว่า เปลี่ยนแปลงไว หย่อนไม่ได้ เพราะการแข่งขันสูง
ที่มา
