แม้ในปัจจุบัน ‘อิสลาม’ จะเป็นศาสนาอันดับ 2 ที่มีคนนับถือมากที่สุดในโลก (25%) รองจากศาสนาคริสต์ที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก (31.1%) แต่ถ้ามองเฉพาะโอกาสของการเติบโตทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว และการใช้จ่าย กลุ่มนักเดินทางชาวฮาลาล กำลังได้รับความสนใจ และคาดว่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดท่องเที่ยวทั่วโลก
โดยมีพฤติกรรมน่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยไม่ควรพลาดโอกาสทองแบบนี้ ในฐานะที่ไทยเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว และมีความหลากหลาย เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยว
ขณะที่ประเทศไทยเองก็อยู่ใน Top 10 ประ เทศจุดหมายปลายทางที่ไม่ใช่มุสลิม แต่คนฮาลาลสนใจอยากจะมา โดย 10 อันดับจากการสำรวจดัชนีการท่องเที่ยวของชาวมุสลิมทั่วโลกประจำปี 2025 (Mastercard-Crescent Rating Global Muslim Travel Index หรือ GMTI 2025) มีดังนี้
- สิงคโปร์
- สหราชอาณาจักร
- ฮ่องกง
- ไต้หวัน
- ไทย
- ไอร์แลนด์
- ออสเตรเลีย
- ฟิลิปปินส์
- สเปน
- เยอรมนี
[ มุสลิมอยากเที่ยวมากขึ้น และไทยติดอันดับ 5 จุดหมายปลายทาง ]
GMTI 2025 ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติชาวมุสลิมมีจำนวน 176 ล้านคนในปี 2024 เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2023 โดยคาดว่าจะเติบโตเป็น 245 ล้านคนภายในปี 2030
นอกจากนี้ ได้คาดการณ์ด้วยว่า ค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางอาจจะสูงถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้น และศักยภาพทางเศรษฐกิจของตลาดกลุ่มนี้
จากการสำรวจของ GMTI 2025 ได้พูดถึง 5 เทรนด์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิม ซึ่งไทย หรือประเทศต่างๆ สามารถศึกษาและพัฒนาสิ่งแวดล้อม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้กับพวกเขาได้
‘ใช้เครื่องมือนำทาง’ เทรนด์แรกคือ นักท่องเที่ยวมุสลิมกำลังให้ความสนใจกับเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงบริการที่สอดคล้องกับหลักศาสนา และประสบการณ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้ หากประเทศไหนให้ความสะดวกด้านนี้ ก็จะได้ใจคนกลุ่มนี้ไปด้วย
เทรนด์ที่ 2 ‘ผู้หญิงมุสลิมออกมาเที่ยวเอง’ ยุคใหม่แห่งความเท่าเทียมไม่ว่าจะเพศหรือศาสนาใดก็ตาม จะเห็นว่าในหลายประเทศที่มีความปลอดภัย และถูกออกแบบมาเพื่อผู้หญิง ก็จะได้รับความเชื่อมั่น และครองใจคนกลุ่มนี้มากขึ้นด้วย
‘สิ่งอำนวยความสะดวกที่ถูกหลักศาสนา’ เทรนด์ที่ 3 คือ การเป็นจุดหมายปลายทางที่มีสภาพแวดล้อมปราศจากแอลกอฮอล์ ร้านอาหารที่ได้รับการรับรองฮาลาล สถานที่สำหรับการละหมาด รวมถึงสระว่ายน้ำและสปาที่แยกชาย/หญิง ตัวอย่างเหล่านี้จะเข้ามาเป็นเหตุผลซัพพอทที่กลุ่มนักเดินทางมุสลิมมองเห็นจุดแข็งของประเทศทีเดินทางไป
เทรนด์ที่ 4 ‘Solo Travel’ ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้หญิงมุสลิมที่ออกเดินทาง ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง ต่างก็โหยหาการแบกเป้เดินทางคนเดียวเช่นกัน ดังนั้น นักท่องเที่ยวมุสลิมรุ่นใหม่มีความนิยมที่จะเดินทางคนเดียวมากขึ้น เน้นอิสระและการวางแผนเดินทางที่ตรงกับความต้องการของตนเอง
สุดท้าย คือ ‘Digital Detox’ การพักผ่อนแบบดิจิทัลดีท็อกซ์ หมายถึงนักท่องเที่ยวที่มองหาการหลีกหนีจากเทคโนโลยีเพื่อเข้าสู่การพักผ่อนที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และมีรากฐานจากจิตวิญญาณ โดยคนกลุ่มนี้อาจะเป็นมุสลิมที่เคร่งครัดในหลักศาสนา
[ มาเลเซีย อับดับ 1 จุดหมายปลายทางประเทศมุลิม ]
รายงาน GMTI 2025 ได้เผยรายชื่อ 10 ประเทศมุสลิม ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวฮาลาลเลือกที่จะมา และรู้สึกสบายใจที่จะมามากที่สุด ดังนี้
- มาเลเซีย
- ตุรกี
- ซาอุดิอาระเบีย
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- อินโดนีเซีย
- กาตาร์
- โอมาน
- คูเวต
- จอร์แดน
- อิหร่าน
‘ซาฟดาร์ คาน’ ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาสเตอร์การ์ด ได้กล่าวว่า “การท่องเที่ยวถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ทรงพลังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยสร้างงาน เสริมสร้างศักยภาพให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวท้องถิ่น และสนับสนุนวาระแห่งการพัฒนาระดับชาติ”
ขณะที่ ‘ไทย’ ถูกมองว่า มีชื่อเสียงในด้านการต้อนรับที่อบอุ่นและบริการที่ผ่านการรับรองฮาลาลเพิ่มมากขึ้น










