ฟู้ดเดลิเวอรี่ของ ‘แกร็บ’ พลิกจากขาดทุนสู่กำไรแล้ว หลังลดโปรโมชั่น-โฟกัสลูกค้าประจำ

ฟู้ดเดลิเวอรี่ของ ‘แกร็บ’ พลิกจากขาดทุนสู่กำไรแล้ว หลังลดโปรโมชั่น-โฟกัสลูกค้าประจำ

‘แกร็บ’ แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่จากสิงคโปร์ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ โดยระบุว่ามาถึงจุดคุ้มทุนแล้ว หลังก่อนหน้านี้ขาดทุนสะสมต่อเนื่องหลายปี จนนักลงทุนเริ่มกดดัน

โดยผลประกอบการไตรมาสนี้ (ก.ค. – ก.ย.) แกร็บมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่รวม 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดทุน 22 ล้านเหรียญ

Anthony Tan ซีอีโอของแกร็บ บอกว่า ผลการดำเนินงานล่าสุดนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการขับเคลื่อนการเติบโตควบคู่ไปกับการทำกำไร หลังแกร็บได้ชะลอการใช้เม็ดเงินไปกับการทำโปรโมชั่นจูงใจผู้ใช้ และมุ่งโฟกัสไปที่ลูกค้าประจำที่มียอดธุรกรรมสูงกว่า

อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจเดลิเวอรี่จะกำไร แต่ในภาพรวมแล้วไตรมาสนี้แกร็บขาดทุน 342 ล้านเหรียญ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ที่ขาดทุนไปถึง 988 ล้านเหรียญ หรือขาดทุนลดลง 65%

ขณะที่รายได้ของแกร็บไตรมาสนี้ทำสถิติสูงสุดที่ 382 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 143% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะนอกจากธุรกิจเดลิเวอรี่ที่แข็งแกร่ง รายได้ของธุรกิจบริการเรียกรถก็เติบโตเป็นเท่าตัวด้วย หลังดีมานด์การเดินทางกลับมาเพราะสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย

และหลังจากเผยแพร่ผลประกอบการ หุ้นของแกร็บก็พุ่งขึ้นทันที 12% ในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย

ทั้งนี้ แกร็บนั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2012 เริ่มจากบริการเรียกรถและขยายไปสู่บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ โดยมีฐานผู้ใช้จำนวนมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 8 ประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการสร้างแรงจูงใจทั้งต่อยูสเซอร์และคนขับ

แต่ว่าตั้งแต่ปีที่แล้วที่ดอกเบี้ยนโยบายเริ่มสูงขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในตลาดที่พัฒนาแล้ว ทำให้นักลงทุนเริ่มลดความเชื่อมั่นจนมูลค่าบริษัทแกร็บลดลง แม้ว่าเมื่อวานหุ้นจะมีราคาพุ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นมูลค่าของแกร็บในปีนี้ก็ต่ำกว่าเดิม 50%

แกร็บเองก็พยายามแก้ปัญหาด้วยการลดโปรโมชั่นที่ใช้จูงใจยูสเซอร์ โฟกัสลูกค้าที่ใช้ประจำหรือมีลอยัลตี้กับแบรนด์ นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่ายด้วยการยุบบริการคลาวด์คิทเช่นในบางประเทศ และปิดคลังสินค้า grocery ในสิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมทั้งกลุ่มบริษัท แกร็บยังไม่ได้ทำกำไรได้ เนื่องจากใช้เงินลงทุนไปกับธุรกิจใหม่อย่างธนาคารดิจิทัล ที่เพิ่งให้บริการในสิงคโปร์ไปในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา และมีแผนจะให้บริการในมาเลเซียและสิงคโปร์ปีหน้า

สำหรับไตรมาสล่าสุด EBITDA ของธุรกิจบริการทางการเงินนั้นขาดทุน 104 ล้านเหรียญ ขณะที่ปีที่แล้วขาดทุน 76 ล้านเหรียญ บริษัทคาดว่าการลงทุนของบริษัทในการปล่อยสินเชื่อออนไลน์ คาดว่าจะเม็ดเงินสูงสุดในปี 2023 และใช้เวลาอีก 3 ปีกว่าจะคุ้มทุน

ที่มา: https://asia.nikkei.com/Business/Technology/Singapore-s-Grab-breaks-even-on-deliveries-ahead-of-schedule

แท็กที่เกี่ยวข้อง
KanokwanWriterKanokwan
Business Journalist อดีตผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์ และ Forbes Thailand Online
สนใจเรื่องความเคลื่อนไหวของแบรนด์ เทคโนโลยี โลกอนาคต ชีวิตการทำงาน ความเหลื่อมล้ำ และความเป็นอยู่ของผู้คน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง