วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล มองอนาคต 10 ปีข้างหน้า ธุรกิจสุขภาพจะเข้าสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เหตุขาดบุคลากร ผลักดันหลักสูตรสร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ผลักดันไทยเป็น Medical Hub อย่างแท้จริง
ดร.กฤษกร สุขเวชชวรกิจ ประธานหลักสูตรการจัดการธุรกิจสุขภาพ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า ได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาโทใหม่ ในสาขาการจัดการธุรกิจสุขภาพ : Healthcare Business Management (HRM) ที่นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพอันเป็นจุดแข็งของมหาวิทยาลัยมหิดล ผสานกับองค์ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจในยุคดิจิทัล หนุนให้ไทยเร่งสร้างสินค้าและบริการรองรับโอกาสและความท้าทายด้านสุขภาพ โดนยึดตามเทรนด์หลัก 3 ด้าน คือ
เทรนด์รักสุขภาพ คนสูงวัย และ ดิจิทัล
อุตสาหกรรมสุขภาพกำลังเติบโตทั่วโลก ประกอบกับประเทศไทยมีจุดแข็งด้าน Service โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Tourism จากข้อมูลของ BOI ระบุว่า ตลาดนี้ในไทยมีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก มีอัตราการเติบโตปีละกว่า 10% อีกทั้งโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งให้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่ “เทรนด์สังคมสูงวัย” ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้ที่ประชากรไทยอายุเกิน 60 ปี มีมากกว่า 20% และในอีก 10 ปีข้างหน้า จะกลายเป็น สังคมผู้สูงอายุ หรือมีผู้สูงวัยมากกว่า 28% จัดอยู่ในประเภทเดียวกับญี่ปุ่น
ขณะที่อัตราเกื้อหนุนของประเทศไทย ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2537 อยู่ที่ 9 ต่อ 1 กล่าวคือผู้สูงอายุ 1 คนมีลูกหลานหรือผู้ดูแลถึง 9 คน แต่ในปี พ.ศ. 2573 หรือ 10 ปี ข้างหน้า สัดส่วนนี้จะลดลงเหลือเพียง 2 ต่อ 1 การขาดแคลนคนดูแลผู้สูงวัยจะเข้าขั้นวิกฤติ แต่และการที่โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล มีเทคโนโลยี ทำให้เกิดโอกาสที่ธุรกิจสายสุขภาพจะนำมาปรับใช้
“ในช่วงเวลา 10 ปีจากนี้ ต้องมองว่านี่ไม่ใช่แค่โอกาส แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะถ้าประเทศไทยไม่เร่งพัฒนาบุคลากรและธุรกิจสุขภาพช่วง 10 ปีนี้ เราอาจจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ต้องนำเข้าสินค้ามูลค่าสูงจนขาดดุลการค้า และที่สำคัญที่สุดคือการดูแลสุขภาพประชาชนจะกลายเป็นวิกฤติ แต่หากเราพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ผลักดันเมืองไทยเป็น Medical Hub ระดับโลก ภาคการศึกษาก็ต้องเร่งปั้นผู้ประกอบการตั้งแต่วันนี้” ดร.กฤษกร
บริหาร การแพทย์ และ นวัตกรรม ถูกบูรณาการไว้ ในหลักสูตรเดียว
โดยโครงสร้างหลักสูตรในสาขาการจัดการธุรกิจสุขภาพ เป็นการรวม 3 องค์ประกอบสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจสุขภาพยุคใหม่ เริ่มด้วยวิชาพื้นฐานการจัดการธุรกิจ เช่น ไฟแนนซ์ การตลาด การบริหารทรัพยากรบุคคล ต่อด้วยการเจาะลึกด้าน Healthcare Management เช่น วิชา Logistics & Supply Chain Management for Healthcare Business ซึ่งมีความซับซ้อนอย่างมาก โดยเฉพาะการขนส่งเวชภัณฑ์หรือยา หากเกิดข้อผิดพลาดต้องตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าวัตถุดิบหรือจุดบกพร่องมาจากจุดไหน เพราะเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ ในขณะที่วิชา Ethics, Quality and Risk Management ก็มีสำคัญในระดับสูงกว่าธุรกิจปกติทั่วไป เนื่องด้วยความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต รวมไปถึงการนำนวัตกรรมมาแก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรบุคคล ไม่ว่าจะเป็น AI, Big Data Analytics, Telemedicine หรือ Edge Computing ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ประกอบการในทุกระดับตั้งแต่ สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี หรือผู้บริหารที่อยู่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพทั้งหมด ไม่จำกัดเพียงแค่ธุรกิจโรงพยาบาล รวมไปถึงด้านอสังหาริมทรัพย์ อาหารเสริม เครื่องมือแพทย์ ให้ผู้ประกอบการได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจเดิม และเห็นโอกาสในธุรกิจใหม่ สามารถสร้างแผนธุรกิจออกมาอย่างเป็นรูปธรรม










