
วันที่ 19 พ.ค. นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชงอย่างเป็นระบบ รับหนังสือจาก นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ชาวม้งเพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขข้อกฎหมายกัญชง เนื่องจากกัญชงเป็นพืชที่ชาวชาติพันธุ์ม้งปลูกรักษาเมล็ดสายพันธุ์ดั้งเดิมและใช้เส้นใยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และเป็นพืชจิตวิญญาณ พืชวัฒนธรรมตั้งแต่เกิดจนตาย
ชาวชาติพันธุ์ม้ง ได้เสนอแก้ไขข้อกฎหมายกัญชง อาทิ การยกเลิกพืชกัญชงจากพืชเสพติดประเภทที่ 5 เปลี่ยนชื่อนิยามเรียกพืชกัญชงเป็นม่างหรือม่า การยกเลิกการจำกัดการปลูกพืชกัญชง ที่จำกัดการปลูกจำนวน 1 ไร่ ต่อครัวเรือน โดยให้คำนึงถึงการใช้จริงกับสภาพพื้นที่ และการพัฒนาการปลูกเมล็ดสายพันธุ์และการใช้ประโยชน์ของพืชกัญชงทั้งต้น โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรและประชาชนส่วนใหญ่เป็นหลัก

ด้านนางพรรณสิริ ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุ กมธ. ซึ่งได้มีการผลักดันให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทยว่า จากการประชุมหารือ 9 ครั้งเห็นสมควรผลักดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยโดยเร็วเพื่อให้ทันกับการแข่งขันกับตลาดทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกา นอกจากนี้จากเดิมที่ร่างกฎกระทรวงให้ปลูกเพื่อใช้เพียงเส้นใย ควรเปิดให้ปลูกทั้งเพื่อใช้ เส้นใย เมล็ด ดอกและสาร CBD เพื่อจะได้สอดคล้องกับเป้าหมายสนับสนุนให้เป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงอย่างแท้จริง โดยเห็นว่าควรอนุญาตให้ปลูกได้ ครัวเรือนละ 20 ไร่
ส่วนข้อเสนอของชาติพันธุ์ม้ง ที่ขอให้ขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์พื้นบ้าน 28 สายพันธุ์ ที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 1 นักวิชาการจากกรมวิชาการเกษตรยืนยันว่า สามารถทำได้โดยเร็ว เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ใช้กันอยู่เดิมก่อนแล้ว

ภาพจาก HEMP BLOG
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 63 เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต และการอนุญาตผลิตนำเข้า ส่งออกจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง แต่อนุญาตให้ครัวเรือนสามารถปลูกกัญชงได้ ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ เพราะเดิมมีการปลูกเพื่อนำไปทอผ้าอยู่แล้ว โดยต้องมีใบอนุญาตและปลูกสายพันธุ์ที่รัฐกำหนดให้ตามการพัฒนาของสายพันธุ์กัญชงไทย









