อย่างที่หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าเรื่องของ ‘มูเตลู’ หรือความเชื่อในเรื่องดวงชะตานั้นอยู่คู่กับคนไทยและคนเอเชียมาช้านาน และยังได้รับความสนใจอยู่เสมอ
นั่นทำให้ภาคธุรกิจหลายแห่งอาศัยความเชื่อนี้มาเป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาดเพื่อเข้าถึงบริโภคได้มากขึ้น เกิดเป็นแนวทางการตลาดแบบที่เรียกว่า ‘การตลาดสายมู’ (Muketing) ที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตเราทุกคน
ตัวอย่างก็คือ แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตมักจะจัดเซ็ตกระเช้าของมงคลประจำปีเพื่อมอบให้คนพิเศษ หรือแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่ทำแคมเปญเรื่องการเสริมดวงเสริมฮวงจุ้ย รวมไปถึงแบรนด์รถยนต์ที่มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าได้รับสิทธิ์ดูดวง เลือกสีรถ และเลขป้ายทะเบียนมงคลกับนักพยากรณ์ชื่อดัง
และยิ่งโควิดแบบนี้ ยิ่งส่งผลให้ตลาด ‘มูเตลู’ เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยมีผลสำรวจที่ระบุว่าคนไทยกว่า 52 ล้านคนในปัจจุบันมีความเชื่อในเรื่องของโชคลาง อันเกิดจากสภาวะตึงเครียดจากสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมืองที่ไม่แน่นอน อัทำให้ไม่สามารถคาดการณ์และวางแผนอนาคตได้
ดังนั้นการมีสิ่งที่สามารถใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจจึงเป็นตัวช่วยในการดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจของใครหลายคน
เทรนด์สายมูที่มาแรง ทำให้บริษัทการตลาดสายมูอย่าง ‘บจ.โฮโรโซไซตี้’ ได้รับผลพลอยได้ไปด้วย และล่าสุดประกาศแผนธุรกิจรับเทรนด์ดิจิทัลด้วยการลุยโลก NFT
‘อนัญญา โตแสงชัย’ ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร บจ.โฮโรโซไซตี้ กล่าวถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และการทำตลาดสายมูว่า การตลาดสายมู (Muketing) เป็นรูปแบบการตลาดที่สามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้ในทุกระดับฐานะ ทุกเพศทุกวัย ทุกสายอาชีพ
คอนเทนต์ประเภทนี้มักได้รับความนิยมและมี Engagement ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคอนเทนต์ประเภทอื่นเนื่องจากคนไทยตลอดจนคนเอเชียมีความชอบ และความเชื่อในเรื่องมูเตลูกันเป็นพื้นฐาน
ดังนั้นการผสมผสานศิลปะ (Art) ข้อมูล (Data) ประสบการณ์ (Experience) กับศาสตร์ความเชื่อในยุคดิจิทัลทำให้การทำการทำการตลาดสายมู (Muketing) มีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งในปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะช่วงโควิด-19 เรามีลูกค้าให้ความสนใจในเรื่องนี้ และใช้บริการกับเราเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
โดยนอกจากการตลาดสายมูที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว การตลาดที่ใช้นักพยากรณ์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือ KOL (Key Opinion Leader) สามารถสร้างกระแสความนิยม (Trend) สร้างอัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retaining Rate) และดึงดูดกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล
โดยมีกรณีศึกษาจากเครือข่ายมือถือ 3 ยักษ์ใหญ่ ที่หลายปีมานี้ต่างก็แข่งขันกันด้วยกลยุทธ์ ‘เบอร์มงคล’ โดยใช้นักพยากรณ์ชื่อดังของเมืองไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ซึ่ง ‘แมน-การิน ศตายุส์’ ก็เป็นหนึ่งคนที่โด่งดัง และประสบความสำเร็จจากแคมเปญ ‘เบอร์เสริมชีวิต’ ของเอไอเอส ที่คัดสรรเบอร์มงคลให้กับผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านเบอร์ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา
โดยเบอร์มงคลนั้นยังคงเป็น Segment ใหญ่ของการตลาดสายมู (Muketing) ที่สามารถสร้างมูลค่าสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ‘โฮโรโซไซตี้’ (Horosociety) ผู้นำด้านการผลิตคอนเทนต์ และการวางแผนกลยุทธ์การตลาดสายมูแบบครบวงจร มีประสบการณ์ดูแลลูกค้าที่เป็นแบรนด์ องค์กร เอเจนซี่มากกว่า 200 รายยาวนานกว่า 10 ปีนั้น มีบริการการตลาดสายมู 7 รูปแบบด้วยกัน
ยกตัวอย่าง คือ การใช้นักพยากรณ์มาเป็นพรีเซนเตอร์, ทำสินค้าหรือของพรีเมี่ยมที่เกี่ยวกับความเชื่อสำหรับแบรนด์หรือองค์กร, จัดกิจกรรมหรืองานอีเวนต์ที่เกี่ยวกับความเชื่อสำหรับแบรนด์หรือองค์กร เป็นต้น
โดยในปีที่ผ่านมาโฮโรโซไซตี้มีลูกค้าที่ให้ทำการตลาดสายมูให้เป็นจำนวนมาก อาทิ SCB LINE OA (LINE BCRM) ที่ผู้ติดตามในไลน์สามารถเช็กดวงตัวเองได้, คาราบาวแดง บริหารจัดการนักพยากรณ์ในแคมเปญลุ้นล้านล่าฝัน #โชคดีวันพุธ และกรุงศรี ออโต้ กับการสร้างระบบให้คนทั่วไปเข้ามากรอกข้อมูล เช็กเลขทะเบียนรถและเบอร์โทรศัพท์ แล้วได้รับทำนายกลับไป เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทได้ประกาศลุย Horoscope NFT เพราะเล็งเห็นว่าแนวโน้มในอนาคต NFT จะเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมหวังผลักดันธุรกิจสายมูให้เติบโตในตลาดดิจิทัลแบบเต็มตัว
โดย Horoscope NFT ชิ้นแรกได้ถูกออกแบบโดย แมน-การิน ศตายุส์ กับผลงานที่ชื่อว่า ‘ลักกี้ นัมเบอร์ อาร์ติแฟ็คต์’ (Lucky Number Artifact) รับเทรนด์ที่เลขมงคลกลายเป็นเครื่องเสริมดวงในยุคดิจิทัล










