เดิมทีเวลาได้ยินชื่อ IMPACT เราอาจนึกถึงแค่เพียงศูนย์จัดแสดงสินค้า จัดงานประชุม คอนเสิร์ตต่างๆ แต่ความจริง IMPACT ยังมีโรงแรมจำนวน 2 แห่ง ขนาดประมาณ 1,000 ห้อง
และในช่วงที่มีการจัดงานใหญ่ๆ ปัญหาสำคัญของ IMPACT คือโรงแรมรองรับคนได้ไม่เพียงพอ และปัจจุบันอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) กำลังเติบโตการขยายโรงแรมเพิ่มจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรับสเกลงานที่ใหญ่ขึ้นได้
นอกจากนี้ การสร้างรถไฟฟ้าที่จะแล้วเสร็จตามแผนภายในเดือนก.พ.ปี 2568 นี้ จะยิ่งดึงดูดคนเข้างานและฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก
ดังนั้นถ้า IMPACT จะขยับขยายการสร้างโรงแรมใหม่เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดในตอนนี้ และยังจะส่งเสริมให้เมืองทองธานีกลายเป็น Tourism Destination ที่สมบูรณ์แบบ
[ จุดแข็ง IMPACT = มีพื้นที่กว่า 4,700 ไร่ ]
โดย ‘พอลล์ กาญจนพาสน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท (IMPACT GROWTH REIT) เล่าถึงจุดแข็ง
ของ IMPACT คือการมีโครงสร้างพื้นฐานภายในเมืองทองธานีครบครัน บนพื้นที่กว่า 4,700 ไร่ อยู่ภายใต้ IMPACT Growth Reit โดยมี บริษัท อาร์ เอ็ม ไอ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์
ซึ่งเป็นศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปัจจุบัน ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งในไทย มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50%
นอกจากนี้ ภายในเมืองทองธานี ยังมีอาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย ที่พักอาศัย คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์อาหาร พื้นที่จัดกิจกรรมและสันทนาการ รวมทั้ง โรงแรมจำนวน 2 แห่ง ขนาดประมาณ 1,000 ห้อง
ซึ่ง IMPACT ในปีที่ผ่านมา (มกราคม – ธันวาคม 2567) มีผู้เข้ามาใช้บริการเกือบ 10 ล้านคน
[ งบ 5,000 ล้าน สร้างโรงแรม 4-5 ดาว ]
โดยในปีนี้ได้วางแผนลงทุน พัฒนาโรงแรมแห่งใหม่ระดับ 4-5 ดาว ขนาด 1,000 ห้อง คาดแล้วเสร็จในปี 2571 ประเมินใช้เงินลงทุนประมาณ 4,000 – 5,000 ล้านบาท โดยจะมีการยื่นขอ EIA ในไตรมาส 4 ปีนี้ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดจะเริ่มการสร้างในทันที
ทำให้ IMPACT จะมีโรงแรมจำนวนประมาณ 4 แห่งขนาดรวม 2,000 ห้อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและการจัดงานที่ใหญ่ขึ้น และวางเป้าหมายขยายการลงทุนสร้างโรงแรมเพิ่มเติมเป็น 3,000 ห้อง ภายในปี 2573 และ 5,000 ห้องภายในปี 2578
“ในช่วงที่ผ่านมามีงานใหญ่ๆ ให้ความสนใจมาจัดงานที่ IMPACT แต่ติดปัญหาเรื่องโรงแรมที่สามารถรองรับคนได้จำกัด ดังนั้น การพัฒนาโรงแรมใหม่ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการรับงานในสเกลที่ใหญ่ขึ้น
ขณะที่ อัตราการเข้าพักในโรงแรมเดิมก็ไม่ได้ลดลง และการเช่าพื้นที่จัดงานก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เศรษฐกิจในเมืองทองธานีจะคึกคัก เนื่องจากเรามีความพร้อมทั้งในด้านสถานที่ บุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน” นายพอลล์ กล่าว
[ เงินสร้างโรงแรมใหม่มาจากกองรีท ]
พอลล์ เล่าให้ฟังต่อว่าเงินที่ IMPACT จะนำมาลงทุนสร้างโรงแรมจะมาจากการขายโรงแรม 2 แห่งแรกเข้ากองรีทเพื่อนำเงินที่ได้มาลงทุนต่อ
โดยตั้งเป้าเรทราคาที่ได้จากการขายจะอยู่ที่ราว 2,000-2,500 ล้านบาท นอกจากนี้หากโรงแรมเฟสใหม่เปิดไปได้สักระยะก็จะถูกนำเข้ากองรีทเพื่อนำเงินมาสร้างโรงแรมในเฟสถัดไปเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ในอนาคตถ้ามีจำนวนห้องเพิ่มขึ้น ก็อาจจะมีการต่อยอดขยาย Exhibition เพิ่ม ซึ่งหากย้อนไปในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด IMPACT เคยมีแผนที่จะขยาย Exhibition แต่ก็ต้องพับไปเพราะสถานการณ์โควิด-19
[ ลุ้นโปรเจ็กต์ Entertainment Complex ]
อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินหน้าประมูลในโปรเจ็ค Entertainment Complex ไปมาดๆ ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะเลือกอิมแพ็คหรือไม่ แต่การขยายโรงแรมจะเป็นแผนแรกที่เราจะทำอย่างแน่นอน
เรามั่นใจว่า IMPACT มีความพร้อมในการเป็น Entertainment Complex เพราะมีพื้นที่ที่เหมาะสม และหากได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจะทำให้เมืองทองธานีกลายเป็นศูนย์กลางของการจัดอีเวนท์ระดับโลก
นอกจากนี้การที่รัฐบาลอนุมัติจะยิ่งทำให้แผนการขยายโรงแรมในจำนวน 5,000 ห้องมีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้นเพราะจะทำให้ดึงดูดผู้เข้าชมงานมากขึ้นทำให้เรายิ่งต้องเร่งขยายโรงแรมเพิ่ม
ทั้งนี้ปัจจุบัน IMPACT มีทรัพย์สินที่ลงทุนทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การจัดแสดงอิมแพ็ค อารีน่า อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ (ฮอลล์ 1-3) ศูนย์การประชุมอิมแพ็คฟอรั่ม (ฮอลล์ 4) และศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ฮอลล์ 5-12) ซึ่งทรัพย์สินทั้ง 4 แห่ง ตั้งอยู่ในโครงการอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีพื้นที่รวม 479,761 ตร.ม. และพื้นที่จัดแสดงสุทธิ 122,165 ตร.ม.










