อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย ผู้ป่วยโควิด-19 ‘สายพันธุ์อินเดีย’ ในแคมป์คนงานหลักสี่ ส่วนใหญ่อาการเล็กน้อย เข้ารักษาตัวที่ รพ. ทั้ง 15 คนแล้ว ยืนยัน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ป้องกันโควิด-19 ‘สายพันธุ์อินเดีย’ ได้ พบอัตราการกระจายเชื้อไม่ต่างจาก ‘สายพันธุ์อังกฤษ’
วันที่ 21 พ.ค. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวกรณีพบเชื้อโควิด-19 ‘สายพันธุ์อินเดีย’ ในแคมป์คนงานหลักสี่ ว่า เชื้อโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือ กลายพันธุ์ตลอดเวลา จากสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่น ไปหลายสายพันธุ์ สายพันธุ์ที่ต้องจับตา คือ สายพันธุ์ที่ทำให้แพร่ระบาด รุนแรงและเสียชีวิตมากขึ้น รวมทั้ง ทำให้การใช้วัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ โดยที่ทั่วโลกจับตา คือ สายพันธุ์อังกฤษ อินเดีย บราซิล และสายพันธุ์แอฟริกาใต้
กรณีประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับห้องปฏิบัติการต่างๆ มีการถอดรหัสพันธุกรรมรวมข้อมูล พบในบ้านเราส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ที่แพร่กระจายเชื้อรวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม
สำหรับ สายพันธุ์อินเดีย มีการพบในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ รอบบ้านเรา เช่น มาเลซีย สิงคโปร์ ส่วน เมียนมา และกัมพูชา ยังมีข้อมูลจำกัด แต่เชื่อว่าจะมีอยู่แล้วเหมือนกัน จึงมีโอกาสแพร่เข้ามาในประเทศไทย
ซึ่งที่แคมป์คนงานหลักสี่ มีการนำตัวอย่างไปตรวจ พบว่า ตรงกับสายพันธุ์อินเดีย 15 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 8 คน อายุเฉลี่ย 46 ปี ส่วนใหญ่อาการน้อยรักษาในโรงพยาบาล ในจำนวน 15 รายนี้ เป็นคนงานแคมป์ก่อสร้าง 12 ราย และอีก 3 ราย เป็นผู้สัมผัสโรคร่วมบ้าน จึงต้องมีการสอบสวนควบคุมโรคและมีการติดตามผู้สัมผัสต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลจากประเทศอังกฤษ ที่มีการแพร่ระบาดมาก พบว่า สายพันธุ์อินเดีย การแพร่กระจายไม่ได้แตกต่างจากสายพันธุ์อังกฤษ ความรุนแรงของโรคยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่ารุนแรงกว่า ส่วนการดื้อต่อวัคซีนสายพันธุ์นี้ยังไม่ดื้อต่อวัคซีนหลักที่เราใช้คือ แอสตร้าเซนเนก้า
ขณะนี้ สธ. ร่วมกับหลายหน่วยงานโดยเฉพาะ กทม. ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมจัดทีมไปสนับสนุนในการควบคุมโรค ติดตามผู้สัมผัส ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก และการรักษาพยาบาล หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะ
