Bloomberg รายงานว่า อินเดียกำลังหาทางพยายามกีดกันบริษัทจีนในตลาดสมาร์ทโฟน จากการขายมือถือราคาถูกกว่า 12,000 รูปี หรือต่ำกว่า 5,400 บาท เพื่อเปิดทางให้ผู้ผลิตในประเทศได้มีโอกาสทางการค้ามากขึ้น ทำยอดขายยี่ห้อจีนพากันร่วงระนาว
ปัจจุบัน อินเดียถือเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์จีนได้พึ่งพาอินเดียมากขึ้นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต เพราะตลาดจีนหยุดชะงักจากการล็อกดาวน์โควิด-19 ทำให้การบริโภคซบเซา
การขายสมาร์ทโฟนที่ถูกกว่า 12,000 รูปี จึงมีส่วนทำให้แบรนด์จีนมียอดขายเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายมือถือในอินเดียสำหรับไตรมาสที่ 2 (เดือน เม.ย. – มิ.ย. 65) และยังครองส่วนแบ่งการจัดส่งสมาร์ทโฟนในตลาดระดับล่างถึง 80% อีกด้วย
บริษัทสมาร์ทโฟนสัญชาติอินเดียอย่าง Lava และ MicroMax ที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงหลังจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์เมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้ว จึงสูญเสียลูกค้าให้กับผู้ผลิตชาวจีน ทำให้มียอดขายไม่ถึงครึ่งของอินเดียด้วยซ้ำ
นั่นทำให้อินเดียเกิดความกังวลเกี่ยวกับแบรนด์จีนอย่าง Xiaomi, Realme และ Transsion ที่กินตลาดไปมากและตัดราคาผู้ผลิตชาวอินเดีย
โดยเจ้าหน้าที่ในกระทรวงเทคโนโลยีของอินเดียได้เผยกับหนังสือพิมพ์ Business Standard ว่า ขณะนี้การครอบงำตลาดของผู้เล่นสมาร์ทโฟนชาวจีนส่วนใหญ่ในอินเดียไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการแข่งขันที่เสรีและยุติธรรม
ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดีย ใช้วิธีที่ไม่เป็นทางการในการกีดกันอุปกรณ์โทรคมนาคมของ Huawei Technologies Co. และ ZTE Corp. และตรวจสอบการเงินบริษัทจีนที่ดำเนินงานในประเทศ เช่น Xiaomi, Oppo และ Vivo ซึ่งนำไปสู่การเรียกเก็บภาษี และข้อกล่าวหาเรื่องการฟอกเงิน
ความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลเสียต่อแบรนด์จีนจำนวนมาก โดยเฉพาะ Xiaomi Corp. ที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น 3.6% ในการซื้อขายหุ้นในฮ่องกงนาทีสุดท้ายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 ส.ค. 65) ทำให้ภาพรวมในปีนี้ มูลค่าหุ้น Xiaomi ลดลงไปมากกว่า 35% แล้ว
ตามรายงานของ Bloomberg Intelligence การจัดส่งสมาร์ทโฟน Xiaomi อาจลดลง 11-14% ต่อปี หรือ 20-25 ล้านเครื่อง ทำให้ยอดขายลดลง 4-5% โดยสมาร์ทโฟนที่ผลิตในจีนราคาต่ำกว่า 12,000 รูปีนั้นคิดเป็น 25% ของตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดีย
โดยก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดข้อขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้มาแล้วในปี 2563 หลังทหารอินเดียหลายสิบนายเสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างกันบนพรมแดนหิมาลัยที่มีข้อพิพา ทำให้อินเดียเพิ่มแรงกดดันต่อบริษัทจีน
นับตั้งแต่นั้นมา ก็ได้แบนแอปมากกว่า 300 แอป รวมถึง WeChat ของ Tencent Holdings Ltd. และ TikTok ของ ByteDance Ltd. จากความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ
หากอินเดียผลักดันแนวทางดังกล่าวจริง แบรนด์สมาร์ทโฟนของอินเดียที่มีทำราคาถูกก็จะได้ประโยชน์ และมีโอกาสในการเติบโตยิ่งขึ้น










