ตลาดชาเขียวในประเทศไทยกำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพ และหลงใหลในเครื่องดื่มสายพรีเมียมมากขึ้น หนึ่งในแบรนด์ที่มองเห็นโอกาสนี้คือ ‘อินทนิล’ (Inthanin) แบรนด์เครื่องดื่มในเครือบางจาก รีเทล ที่กำลังยกระดับสู่ ‘ผู้นำตลาดชาเขียวพรีเมียม’
ครั้งนี้ Today Bizview มีโอกาสเดินทางไปเยือนไร่ชา ยามามะ มัตสึดะ เอ็น ถึงประเทศญี่ปุ่น เพื่อพูดคุยกับ ‘สึโยมิ มัตสึดะ’ ทายาทรุ่นที่ 5 ถึงเรื่องราวการสืบทอดธุรกิจชาเก่าแก่ และความร่วมมือครั้งสำคัญในการส่งมอบชาเขียวพรีเมียมจากชิซุโอกะสู่แก้วชาในร้านอินทนิลทั่วไทย และ ‘ณิภาภรณ์ จักรพิทักษ์’ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด สำหรับมุมมองและก้าวต่อไปของอินทนิลในสมรภูมิตลาดชาเขียวพรีเมียม
[ จากไร่ชาในยุคเมจิ สู่ชาคุณภาพระดับโลก ]
‘สึโยมิ มัตสึดะ’ ได้เล่าถึง ไร่ชา ยามามะ มัตสึดะ เอ็น ว่าเริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1870 ในยุคเมจิ เริ่มต้นจากไร่เล็กๆ ที่ปลูกและแปรรูปเอง ก่อนจะขยายสู่ระบบ One-Stop Production ที่ควบคุมคุณภาพได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
นี่เป็นธุรกิจครอบครัวที่ถูกสืบทอดมาแล้วนานกว่า 150 ปี โดย ‘สึโยมิ มัตสึดะ’ อายุ 72 ปี เป็นรุ่นที่ 5 ที่รับช่วงต่อนี้ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในไร่ชาที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น ทั้งยังส่งออกไปใน 30 ประเทศทั่วโลก
ไร่ชาแห่งนี้ขึ้นชื่อด้านคุณภาพและความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักรอัจฉริยะ ไปจนถึงกระบวนการแปรรูปที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อคงรสชาติและกลิ่นของชาไว้ได้อย่างดีที่สุด
เบื้องหลังความสำเร็จของไร่ชานี้คือ แนวคิด ‘การผลิตชาอย่างยั่งยืน’ ที่ผสมผสานเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะการติดตั้งแทงก์น้ำขนาด 8,000 ตันและระบบสปริงเกลอร์ เพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อนและการลดการใช้สารเคมีด้วยปุ๋ยอินทรีย์ผสม
อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญของใบชาคุณภาพก็คือ รอบการเก็บเกี่ยว โดยไร่ชาแห่งนี้มีรอบการเก็บเกี่ยวหลัก 4 ช่วง ได้แก่ Ichibancha, Nibancha, Sanbancha และ Yonbancha โดยเฉพาะรอบที่ 3–4 จะให้ใบชาที่มีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับผลิตมัทฉะเกรดพรีเมียม นอกจากชาใบแล้วยังต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ เช่น คุกกี้ชาเขียว โยกัง และเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ

[ จากไร่ชาญี่ปุ่น สู่คาเฟ่อินทนิล ]
จากคุณภาพและมาตรฐานที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ‘อินทนิล’ ตัดสินใจเลือกชาเขียวจากไร่ ‘ยามามะ มัตสึดะ เอ็น’ มาเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูชาเขียวพรีเมียมของแบรนด์
โดย ‘ณิภาภรณ์ จักรพิทักษ์’ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เล่าว่า อินทนิลเดินหน้าเข้าสู่สนามแข่งขันชาเขียวพรีเมียมอย่างเต็มตัวในปีนี้ โดยเริ่มนำเข้าชาเขียวมัทฉะจากไร่นี้ ปีละราว 5 ตัน ซึ่งเป็นชาเกรดเดียวกับที่จำหน่ายในตลาดญี่ปุ่นและผ่านการคัดสรรเฉพาะใบชารุ่นเก็บเกี่ยวที่ 3–4 (Sanbancha และ Yonbancha) ที่ให้รสเข้มข้น กลิ่นหอมและมีสีเขียวสดเป็นพิเศษ
.
ชาเขียวจากชิซุโอกะจึงเป็นหัวใจของเมนูใหม่ในปีนี้ เช่น มัทฉะมะพร้าวสด หรือ มัทฉะน้ำอ้อยสด ที่ผสานชาเขียวคุณภาพระดับโลกเข้ากับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยได้อย่างลงตัว สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ในการยกระดับวัตถุดิบไทยด้วยคุณภาพระดับสาก
โดย ‘อินทนิล’ ตั้งเป้าขยายเมนูชาเขียวพรีเมียมให้ครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศภายในปี 2569 พร้อมวางแผนต่อยอดความร่วมมือกับไร่ชาในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนา ‘โครงการชาเขียวอย่างยั่งยืน’ ที่เชื่อมโยงความรู้ด้านเกษตรอัจฉริยะจากญี่ปุ่นสู่เกษตรกรไทยในอนาคตด้ว
ทั้งนี้ สำหรับแผนการเพิ่มเมนูใหม่และการขยายสาขาอินทนิล ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนเพิ่ม EBIDA ในธุรกิจ Non-Oil ให้เติบโต 30% ใน 3 ปี ดังนี้
- ยอดขายเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท
- จำนวนสาขาเพิ่มเป็น 1,800 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาราว 1,100 สาขา
- จำนวนแก้วเพิ่มเป็น 200 แก้วต่อวัน/สาขา จากปัจจุบัน 100 แก้ว (รวมทุกเมนูไม่เฉพาะชาเขียว)
[ คุณภาพพรีเมียมในราคาจับต้องได้ ]
ณิภาภรณ์ ได้พูดถึงเรื่องของ ‘ราคา’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญของการเติบโต โดยอธิบายว่า ในแต่ละเมนูจากร้านอินทนิลยังคงสามารถรักษาระดับที่ดีเอาไว้ได้ แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะสูงก็ตาม เพื่อที่จะให้ทุกคนสามารถดื่มได้ทุกวัน เข้าถึงง่ายที่สุด
อินทนิล ต้องการที่จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้ายังคงเลือกอินทนิลเป็นร้านประจำ ด้วยประสบการณ์เครื่องดื่มที่มี ‘คุณภาพที่คุ้มค่า’ ในราคาที่ไม่ต่างจากเครื่องดื่มทั่วไปในตลาด ทำให้คนยังเลือกอินทนิลเสมอด้วยราคา 70-90 บาท ในขณะที่ตลาดทั่วไปราคา 100 บาทขึ้นไป
แนวทางการควบคุมต้นทุนของอินทนิลจึงสะท้อนแนวคิด ‘ทำให้ของดีอยู่ได้’ ไม่ใช่การลดคุณภาพเพื่อต้นทุนที่ต่ำลง แต่คือการใช้ระบบบริหารจัดการอย่างฉลาด เพื่อรักษาความสมดุลระหว่างต้นทุนและคุณค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่เมนูชาเขียว แต่รวมถึงวัตถุดิบในเมนูอื่นๆ ของร้านด้วย
สุดท้ายจากไร่ชาในชิซุโอกะสู่คาเฟ่อินทนิลทั่วไทย นี่คืออีกก้าวสำคัญของแบรนด์ไทยที่ตั้งใจยกระดับเครื่องดื่มให้มีทั้งรสชาติ คุณภาพ และความยั่งยืนในแก้วเดียวกัน อินทนิลกำลังพิสูจน์ว่า ‘ของดี’ ไม่จำเป็นต้องอยู่ไกลและความพรีเมียมสามารถเข้าถึงได้ในทุกวัน










