จบไปแล้วสำหรับงาน Wonderlust ที่ Apple ได้เปิดตัวทั้ง iPhone 15 ซีรีส์ใหม่ และ Apple Watch ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ iPhone 15 หันมาใช้พอร์ต USB-C และได้ประกาศยกเลิกพอร์ต Lightning เป็นที่เรียบร้อย รวมไปถึง AirPods Pro รุ่นที่ 2 ที่สามารถชาร์จด้วย USB-C เช่นกัน นอกจากนี้ iPhone 15 ทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 17 ส่วน Apple Watch มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ watchOS 10
ไม่เพียงเท่านี้ Apple ยังตั้งเป้าให้ภายในปี 2030 ทุกผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอน และไม่ใช้หนังสัตว์ในทุกผลิตภัณฑ์ โดยตอนนี้ Apple Watch Series 9 ได้นำร่องเป็นโปรดักต์แรกของ Apple ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว
ส่วนแต่ละโปรดักต์มีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง TODAY Bizview รวมมาให้แล้วในบทความนี้
[ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ]
ภาพรวมของ 2 รุ่นนี้ มีความเปลี่ยนแปลงจาก iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เล็กน้อย และค่อนข้างเป็นไปตามข่าวลือพอสมควร
– จอภาพ Super Retina XDR1 ขนาด 6.1 นิ้ว (iPhone 15) และ 6.7 นิ้ว (iPhone 15 Plus)
– ตัวเครื่องอะลูมิเนียมพร้อมด้านหลังแบบกระจกแต่งสี
– ชิป A16 Bionic (CPU แบบ 6-core, GPU แบบ 5-core, Neural Engine แบบ 16-core)
– กล้องหลักคมชัด 48 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด ƒ/1.6
– กล้องอัลตร้าไวด์คมชัด 12 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด ƒ/2.4
– กล้องหน้า TrueDepth ความชัด 12 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด ƒ/1.9
– Dynamic Island เกาะที่ล้อมรอบกล้องตรงหน้าจอ
– พอร์ตจ่ายไฟ USB-C รองรับ USB 2
– ความจุเครื่อง 128GB, 256GB, และ 512GB
ส่วนราคา iPhone 15 วางขายเริ่มต้นที่ 32,900 บาท และ iPhone 15 Plus เริ่มต้นที่ 37,900 บาท
[ iPhone 15 Pro และ Pro Max ]
สำหรับ 2 รุ่นนี้ มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องและปุ่มแอ็คชั่นแบบใหม่ การอัปเกรดทั้งกล้องและชิป A17 Pro ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
– จอภาพ Super Retina XDR1 ขนาด 6.1 นิ้ว (iPhone 15 Pro) และ 6.7 นิ้ว (iPhone 15 Pro Max)
– เทคโนโลยี ProMotion อัตรารีเฟรชปรับได้สูงสุดที่ 120Hz
– ตัวเครื่องไทเทเนียมพร้อมด้านหลังแบบกระจกผิวด้าน
– ปุ่มแอ็คชั่น แบบใหม่ ทำหน้าที่มากกว่าการสลับเปิด-ปิดเสียง (ปุ่ม Mute เดิม)
– ชิป A17 Pro (CPU แบบ 6-core, GPU แบบ 6-core, Neural Engine แบบ 16-core)
– กล้องหลักคมชัด 48 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด ƒ/1.78
– กล้องอัลตร้าไวด์คมชัด 12 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด ƒ/2.2
– กล้องเทเลโฟโต้คมชัด 12 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด ƒ/2.8
– กล้องหน้า TrueDepth ความชัด 12 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด ƒ/1.9
– โหมดถ่ายภาพกลางคืนชัดกว่าเดิมและมีสีสันสดใสมากขึ้นด้วย Photonic Engine
– Dynamic Island เกาะที่ล้อมรอบกล้องตรงหน้าจอ
– พอร์ตจ่ายไฟ USB-C รองรับ USB 3 ที่ถ่ายโอนได้เร็วขึ้นสูงสุด 20 เท่า
– ความจุเครื่อง 128GB (เฉพาะ iPhone 15 Pro), 256GB, 512GB, 1TB
– มี 4 เฉดสี ได้แก่ Natural Titanium, Blue Titanium, White Titanium, และ Black Titanium
โดย iPhone 15 Pro วางขายเริ่มต้นที่ 41,900 บาท และ iPhone 15 Pro Max เริ่มต้นที่ 48,900 บาท
[ Apple Watch Series 9 ]
ไฮไลท์ของ Apple Watch Series 9 คือการเป็นโปรดักต์แรกของแบรนด์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน และยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้านี้:
– ตัวเรือนอะลูมิเนียมขนาด 45 มม. หรือสแตนเลสสตีล 41 มม.
– จอภาพ Retina แบบติดตลอด สูงสุด 2,000 นิต
– ขับเคลื่อนโดย Apple Silicon ที่ปรับแต่งได้ใน SiP รุ่น S9 แบบใหม่หมด
– คำสั่งนิ้วแตะสองครั้ง เข้าถึงการควบคุมปุ่มหลักในแอป
– เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด และวัดหัวใจแบบไฟฟ้า
– ติดตามรอบเดือนพร้อมการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง
– ค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับ iPhone
– แบตเตอรี่อึดสูงสุด 18 ชั่วโมง และสูงสุด 36 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน
โดย Apple Watch Series 9 รุ่น GPS วางขายเริ่มต้นที่ 15,900 บาท และรุ่น GPS + Cellular เริ่มต้นที่ 19,900 บาท
[ Apple Watch Ultra 2 ]
สำหรับรุ่นนี้ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นนานมาก เป็นกลางทางคาร์บอน และยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
– ตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 49 มม.
– จอภาพ Retina แบบติดตลอด สูงสุด 3,000 นิต
– ขับเคลื่อนโดย Apple Silicon ที่ปรับแต่งได้ใน SiP รุ่น S9 แบบใหม่หมด
– คำสั่งนิ้วแตะสองครั้ง เข้าถึงการควบคุมปุ่มหลักในแอป
– หน้าปัดใหม่ Modular Ultra
– เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด และวัดหัวใจแบบไฟฟ้า
– ติดตามรอบเดือนพร้อมการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง
– ค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับ iPhone
– GPS แบบสองคลื่นความถี่ที่แม่นยำ (L1 และ L5)
– แบตเตอรี่อึดสูงสุด 36 ชั่วโมง และสูงสุด 72 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน
– เสียงไซเรนที่ได้ยินไกลสูงสุด 180 เมตร
– ตัววัดความลึกและเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ
– การดำน้ำสกูบาเชิงนันทนาการถึงความลึก 40 เมตร
ส่วนราคาวางขาย รุ่น GPS + Cellular เริ่มต้นที่ 31,900 บาท
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY










