ทำไม “ไอร่ารู้ไหม” Meme Marketing ถึงโดนใจทั้งองค์กร-แบรนด์

ทำไม “ไอร่ารู้ไหม” Meme Marketing ถึงโดนใจทั้งองค์กร-แบรนด์

การตลาด

“ไอร่ารู้ไหม ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่บอดี้การ์ดจับปืนนั้น มันต้องมีคนรอด แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มือปืนจับปืนนั้นมันต้องมีคนตาย” 

ประโยคสุดไวรัลจากซีรีส์ “เพียงเธอ Only You” ที่มี ‘หลิงหลิง คอง’ รับบทพี่ตะวัน เป็นบอดี้การ์ดปกป้อง ‘ไอร่า’ ไอดอลสาวที่รับบทโดย ‘ออม กรณ์นภัส’ กำลังเป็นไวรัลติดปากบนโซเชียลมีเดีย 

แม้ว่าตอนนี้ซีรีส์จะจบไปเกือบเดือนแล้ว แต่ความไวรัลของบทพูดในละครเรื่องนี้ยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนใครต่างติดปากกับคำว่า “ไอร่ารู้ไหม” แล้วต่อด้วยคำดัดแปลงในแบบของตัวเอง เช่น “ไอร่ารู้ไหม ว่าเมื่อไหร่ที่พนักงานจับคอมพ์นั้น มันแปลว่าต้องมีคนทำงาน” “ไอร่ารู้ไหม ว่าเมื่อไหร่ที่เงินเดือนออก มันแปลว่าต้องมีคนจน”

ที่น่าสนใจคือ จากคำพูดเท่ๆ ในละคร ถูกนำมาเล่นเป็นมีมกึ่งล้อกึ่งสนุกบนโซเชียลมีเดีย ได้กลายเป็นมุกที่นำมาเล่นกันในชีวิตประจำวัน และขยายสู่ทุกวงการ ทั้งคนทั่วไป อินฟลูเอนเซอร์ และสุดท้ายคือองค์กรและแบรนด์ต่าง ๆ ที่ร่วมเกาะกระแสอย่างสร้างสรรค์ 

ก่อนที่บทพูด ไอร่ารู้ไหม จะโด่งดังไปถึงแบรนด์และองค์กรต่างๆ เล่นจนเป็น Meme Marketing นั้น

ในละครเพียงเธอยังมี บทพูดและฉากที่ถูกนำไปเล่นเป็นมีมไวรัลก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็น 

        1. มึงทำผู้หญิงกูเหรอ (เป็นฉากที่พี่ตะวันพูดพร้อมกับเตะผู้ร้าย)
        2. ไอร่าป่วยเป็นไตอักเสบค่ะ แล้วกลุ่มคนฟังที่ได้ยินจะพูดพร้อมกันว่า หูย
        3. พี่ตะวันที่เป็นบอดี้การ์ดขึ้นร้องเพลงแทนไอดอลสาวไอร่าที่กำลังไม่สบายด้วยท่อนที่ว่า When I look at you มันฟ้องได้ด้วยตา รอเพียงเวลาเธอสนใจกันสักครั้ง

[ “ไอร่ารู้ไหม” จากบทพูดในซีรีส์สู่ไวรัลระดับประเทศ ]

จนมาล่าสุดมีม ไอร่ารู้ไหม ที่โด่งดังขึ้นมา จากหนึ่งในตัวอย่างที่ถูกพูดถึงมากคือโพสต์จาก กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่วางรูปแบบใช้เทมเพลตเดียวกัน ทั้งสไตล์ภาพและจังหวะประโยค

“ไอร่ารู้ไหม ว่าเมื่อไหร่ที่บอดี้การ์ดจับกระทงขนมปัง นั่นแปลว่าต้องมีน้ำเน่าเสียและปลาตาย” พร้อมข้อความเชิญชวนให้ประชาชนลดการลอยกระทงขนมปังในแหล่งน้ำธรรมชาติ

นี่คือกรณีศึกษาที่ชัดเจนของ “ภาครัฐใช้มีมแทนคำรณรงค์” เพราะแทนที่จะบอกตรงๆ ว่า “ห้ามลอยกระทงขนมปัง” ซึ่งอาจดูทางการและไม่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ใครเห็นก็เลื่อนฟีดผ่านไปแบบไวๆ 

แต่ กทม.เลือกพูดผ่านภาษาวัฒนธรรมออนไลน์ที่คนกำลังอินและแชร์กันอยู่ ผลลัพธ์คือ โพสต์ที่เข้าถึงง่าย แพร่กระจายเร็ว และสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ทันเทรนด์ ยอดเอนเกตเมนต์ของคนที่ชอบมีมนี้ก็มากตามไปด้วย 

นอกจากภาครัฐอย่าง กทม. ยังมีองค์กรอื่นๆ มาร่วมเล่นมีมนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น TKPark, Museam Siam, สำนักงานอุทยานแห่งชาติ และ สสส. เป็นต้น

มากไปกว่านั้น ด้วยความที่ทั้ง ‘หลิง-ออม’ เป็นพรีเซ็นเตอร์หลายแบรนด์สินค้าด้วยแล้ว  ทำให้แบรนด์ที่จ้างนักแสดงทั้งสองคนก็ได้นำเอามีมนี้มาสร้างคอนเทนต์ควบคู่ไปด้วย เช่น แบรนด์อสังหาริมทรัพย์อย่าง แสนสิริที่มีพี่ตะวัน (หลิงหลิง คอง) เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ได้นำมีมไอร่ารู้ไหม มาเล่นว่า ไอร่ารู้ไหมว่าเมื่อไหร่ที่พี่หลิงขายบ้าน นั่นแปลว่า บ้านตัวอย่าง (บ้านไอร่า) ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา กำลังจะ Sold out เหลือหลังสุดท้ายแล้วนะไอร่า

หรือจะเป็น ‘แพนทีน’ ที่มีทั้งคู่เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ออกมาเล่นกับประโยคนี้ว่า “ไอร่ารู้ไหม ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่บอดี้การ์ดจับทรีทเม้นท์ แปลว่ามันต้องมีคนผมสวย” 

เรียกได้ว่าไวรัลไอร่ารู้ไหมกลายเป็นคอนเทนต์มีมเต็มทั้งองค์กรภาครัฐฯ และเอกชน

[ ไอร่ารู้ไหมช่วยขยายอารมณ์ของซีรีส์ โอกาสภาครัฐหยิบมีมไปสร้างสรรค์คอนเทนต์ ]

อย่างไรก็ตาม การใช้มีม “ไอร่ารู้ไหม” ไม่ได้เป็นแค่การเกาะกระแสชั่วคราว แต่ยังทำหน้าที่ “ขยายอารมณ์ของซีรีส์” และเชื่อมแบรนด์เข้ากับวัฒนธรรมป๊อปที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะกระแสซีรีส์หญิงรักหญิง Sapphic / Girl Love Series ที่กำลังเติบโตในไทยอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นการใช้ไวรัลเพื่อสื่อสารทั้งตัวแบรนด์ และ จุดยืนทางวัฒนธรรมในเวลาเดียวกัน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในซีรีส์ “เพียงเธอ Only You” มีอีกหนึ่งฉากที่ “ไอร่า” ถือทะเบียนสมรสไปง้อ “พี่ตะวัน” ฉากที่กลายเป็นภาพจำของผู้ชมและถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์

ซึ่ง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ก็หยิบฉากนี้มาดัดแปลงเป็นคอนเทนต์ประชาสัมพันธ์ โดยใช้ประโยค “ไอร่ายังไม่ได้เซ็นใบหย่า ก็แปลว่าไอร่ายังไม่ได้เลิกกับพี่ตะวัน” เชื่อมเข้ากับการแนะนำแอป ThaiD สำหรับแสดงหลักฐานการสมรสแบบดิจิทัล

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่ “ภาครัฐเข้าใจไวรัล” และใช้คอนเทนต์จากวัฒนธรรมบันเทิงมาสื่อสารเรื่องทางราชการอย่างมีอารมณ์ขัน เข้าถึงง่าย และสอดคล้องกับพฤติกรรมการเสพสื่อของคนรุ่นใหม่

แล้วทำไม “ไอร่ารู้ไหม” ถึงได้ผล?

ก็เพราะว่าเป็นจังหวะประโยคจำง่าย ดัดแปลงได้หลากหลาย  เป็นโครงสร้างที่พร้อมจะกลายเป็นมุก มีอารมณ์ร่วมทั้งเท่และอบอุ่น เล่นได้ทั้งจริงจังและตลก

นอกจากนี้ยังมีมีกลิ่นของความสัมพันธ์ (Relationship dynamic) ระหว่าง “พี่ตะวัน” และ “ไอร่า” ที่ใครได้ดูอาจมีความรู้สึกผูกพัน และซีรีส์ GL เป็นพื้นที่แฟนคัลเจอร์ที่มีพลังมากในออนไลน์ การที่ประโยคจากเรื่องนี้ดัง จึงถูกส่งต่อในวงกว้างอย่างรวดเร็ว

ในฝั่งแบรนด์ก็ได้ภาษาร่วมกับผู้บริโภค โดยไม่ต้องใช้สคริปต์ขายตรง แค่เล่นกับมีมก็ได้ใจคนดูแล้ว 

ท้ายที่สุดแล้ว ประโยคไอร่ารู้ไหมก็เข้ามาช่วยสร้างสีสัน สร้างปรากฏการณ์ทางการสื่อสารที่สะท้อนว่า เมื่อ “ภาษาวัฒนธรรมป๊อป” ถูกแบรนด์และองค์กรเข้าใจและนำมาใช้ถูกจังหวะ มันสามารถเปลี่ยนคำพูดในซีรีส์ ให้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารสาธารณะที่ทรงพลังได้

แล้วคุณล่ะ วันนี้พูดคำว่า “ไอร่ารู้ไหม” ไปกี่คำแล้ว?

AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไม “ไอร่ารู้ไหม” Meme Marketing ถึงโดนใจทั้งองค์กร-แบรนด์