ผลกระทบจากสงครามการค้า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวช้า ต้นทุนการดำเนินธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง ปัจจัยท้าทายรอบด้านทั้งหมดนี้ สร้างความกดดันให้กับธุรกิจ SME อย่างเลี่ยงไม่ได้
อีกทั้งอัตราเร่งของโลกที่เปลี่ยนไป ทิศทางของคู่ค้า ผู้บริโภค เปลี่ยนทิศไวเกินกว่าที่จะเดินหน้าธุรกิจด้วยอัตราเร่งเดิม มุมมองและประสบการณ์จากโลกยุคเก่า ชุดความคิดและเครื่องมือแบบเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์การทำธุรกิจยุคนี้อีกต่อไป
ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญ การนำ AI มาปรับใช้ในธุรกิจกลายเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ธนาคารกสิกรไทยจึงจัดเวิร์กช็อปสุดพิเศษ ‘AI-Powered Transform Your Business’ เชิญผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจริงมาให้ความรู้ด้าน AI และเรียนรู้การใช้งานจริง ให้กับลูกค้า K SME SIERRA ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจระดับบนของธนาคารที่ประสบความสำเร็จและพร้อมขยายธุรกิจ
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจมีกลยุทธ์และองค์ความรู้ ปรับตัวรับมือได้ทันท่วงทีกับโลกธุรกิจในปัจจุบัน ให้ธุรกิจของลูกค้า K SME SIERRA พัฒนาสู่ความยั่งยืน ธนาคารกสิกรไทยจึงออกแบบโปรแกรม E.D.G.E. ภายใต้แนวคิดเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจครบมิติ ได้แก่ Engagement, Digital Transformation, Growth และ Expansion พร้อมสิทธิพิเศษเหนือระดับมากมาย เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโต พร้อมรับมือทุกวิกฤตได้
ซึ่งเวิร์กช้อปครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมสุดพิเศษที่ลูกค้า K SME SIERRA จะสามารถนำองค์ความรู้ด้าน AI ไปพลิกเกมธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันนี่คือบทสรุปที่ทีม TODAYBizview ได้รวบรวมจากเวิร์กช้อปนี้มาให้ผู้อ่านได้นำไปปรับใช้ในธุรกิจ

[บทบาทของ AI ต่อการพลิกโฉมธุรกิจ SME]
‘ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ’ CEO & Founder Pay Solutions และ TARAD Dot Com ฉายภาพกว้างของ AI ให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว AI เป็นเรื่องใกล้มือ เพราะมันอยู่ในสมาร์ทโฟนของทุกคนและยังแทรกซึมอยู่ในเทคโนโลยีรอบตัว
เขายกตัวอย่างการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งปลุก ตั้งแจ้งเตือน ถามเส้นทาง เปิดเพลง เช็คสภาพอากาศ ราคาหุ้น ไปจนถึงเล่านิทาน ทุกอย่างสามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงผ่าน Siri ในระบบ iOS หรือ Google Assistant ในระบบ Android
รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Google Nest Hub และ BoardLink เพื่อควบคุมการทำงานกับอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านในบ้าน และยังลงลึกไปถึงการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุน เอกสารสุขภาพ ไปจนถึงแคลอรี่ในอาหารจากภาพถ่าย
“ถ้าคุณสามารถใช้ AI ในชีวิตประจำวันได้ การใช้ AI ในการทำงานก็ไม่ใช่เรื่องยาก” ภาวุธกล่าว พร้อมอธิบายบทบาทของ AI ในโลกธุรกิจเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมงานที่เก่งรอบด้าน และอีกไม่นานมันจะเข้ามาทำงานที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงขึ้น

ก้าวแรกในการปรับองค์กรสู่การทำงานดิจิทัลเต็มรูปแบบ ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ระบบดิจิทัลด้วย Tools Software เมื่อองค์กรนำซอฟท์แวร์ไปใช้จะทำให้เกิดข้อมูลที่นำไปต่อยอดได้ไม่ยาก
“เราสามารถ Digitize องค์กรไปสู่ Automation ด้วยซอฟต์แวร์และเครื่องมือต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่สามารถประหยัดไปได้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคุณเริ่ม Automate การทำงานภายในองค์กรได้แล้ว ต้องทำให้คนในองค์กรนำ AI ไปใช้ในทุกการทำงาน เพื่อให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ภาวุธบอกว่า หัวใจสำคัญคือ ‘ผู้บริหาร’ ต้องเข้าใจว่า AI สำคัญกับองค์กรอย่างไร และมันจะสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้อย่างไร จากนั้นสร้างคนกลุ่มแรกที่เข้าใจเรื่อง AI ขึ้นมา และให้คนกลุ่มนั้นไปสร้างแนวทางการนำ AI ไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับการทำงานของแต่ละแผนก พร้อมทั้ง สนับสนุนเครื่องมือ เวลา และทรัพยากร ให้กับทีม สิ่งสำคัญคือ วัดผลอยู่เสมอเพื่อปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น “ถ้าวันนี้บริษัทคุณขยับตัวช้า เทคโนโลยีคือคำตอบ” ภาวุธ กล่าว

[เลือกใช้เครื่องมือ AI อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด]
‘สุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล’ Co-Founder Director of Planning & Ideas BrandBaker ให้ทุกคนเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า ‘ฉันมีอะไรที่อยากให้ AI ช่วย’
สิ่งต่อมาคือต้องรู้ก่อนว่า AI ถนัดและไม่ถนัดอะไร และสิ่งใดที่ AI สามารถทำได้ดีกว่ามนุษย์ เพราะปัจจุบัน Generative AI มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบตัวอักษรอย่างเดียว หรือจะเป็น Text to Image สร้างรูปภาพจากตัวอักษร Text to Video สร้างวิดีโอจากตัวอักษร Text to Music สร้างดนตรีจากตัวอักษร ไปจนถึง Text to Speech สร้างเสียงพูดจากตัวอักษร
สุรศักดิ์พาลูกค้าธุรกิจทดลองสร้าง Brand Guideline ด้วยการไกด์ Prompt หรือ Input ที่สำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมอธิบายให้เห็นถึงความสามารถของ Generative AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปข้อมูล ปรับภาษาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย คิดสโลแกน หาข้อมูลคู่แข่ง หรือแม้แต่ช่วยสร้างกลยุทธ์ธุรกิจ

“วิธีสื่อสารกับ AI ให้ได้ประสิทธิภาพต้องป้อน Input ที่ดี ละเอียด เฉพาะเจาะจงว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการ และเครื่องมือไหนที่เหมาะจะสร้างผลลัพธ์นั้นให้เกิดขึ้น จึงจะได้ Output ที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง”
สุรศักดิ์เน้นย้ำว่า เวลาใช้ AI ให้คิดเสมอว่าอาจมีโอกาสพลาด “การใช้ AI คือการออกแบบว่าเราจะสั่งงานยังไงให้เขาทำงานตามที่เราต้องการ แต่อย่าคาดหวังว่ามันจะเข้าใจเราทั้งหมด” คำแนะนำคือ ควรคิดไอเดียให้จบก่อนเริ่มใช้งานเพื่อให้ได้ Prompt ที่ครบถ้วนที่สุด และควรทดลองใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เพราะแต่ละเครื่องมือก็มีจุดเด่นและจุดอ่อนที่ต่างกัน “Generative AI นั้นเป็นเพียงเครื่องมือ แม้ AI จะช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจต้องมาจากคน อย่าให้ AI ทำงานโดยที่เราไม่ตรวจสอบ” สุรศักดิ์กล่าว

พร้อมกันนี้ยังแจกเครื่องมือ AI ที่มีจุดเด่นและฟีเจอร์ที่เหมาะกับการทำงานหลากหลาย อาทิ เครื่องมือที่ช่วยหาข้อมูลเชิงลึกโดยไม่ต้องเข้าไปอ่านเองทั้งหมดอย่าง ‘Perplexity’ ที่สามารถกวาดข้อมูลจากหลายสิบเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว หรือ Suno เทคโนโลยี AI ขั้นสูงที่ช่วยสร้างเพลง เป็นต้น
แต่การใช้ Generative AI สร้างภาพหรือไอเดียโฆษณาต่างๆ อาจเสี่ยงต่อปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ สุรศักดิ์แนะให้ใช้เพื่อเป็นแนวทางการออกแบบและให้ทีมดีไซน์นำไปพัฒนาต่อ

[สร้างธุรกิจด้วย AI เริ่มจากตั้งเป้าหมายธุรกิจให้ชัด]
‘โสฬส เตียวเดชวรรณ’ CEO & Co-Founder Activeplus Blue คือหนึ่งในผู้ประกอบการที่เริ่มต้นจากความตั้งใจที่อยากพัฒนาขนมไทยให้ไปสู่ทั่วโลกได้ โดยอาศัยการต่อยอดธุรกิจครอบครัวร้าน ‘แก้ว’ ร้านของฝากชื่อดังประจำจังหวัดกาญจนบุรี เริ่มจากพัฒนาท้องม้วนจนกลายเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆ ของไทย จนปัจจุบันแตกไลน์สร้างแบรนด์ใหม่ อาทิ Snaxfarm, Papa Coco, แก้ว Boutique, Vilai
โสฬสเชื่อว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริหารมีความคิดที่เฉียบคมกว่าเดิมและยังช่วยให้การบริหารงาน ลดต้นทุน เป็นเรื่องง่าย “ผู้นำต้องคิดก่อนว่าจะนำ AI มาใช้กับธุรกิจได้อย่างไร และนำประสบการณ์ในการทำธุรกิจที่ทุกคนมีไปต่อยอดในการสั่งให้ AI ทำงาน”

ประเด็นคือ AI จะช่วยให้ผู้บริหารเก่งขึ้นในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มทักษะใหม่ๆ ในการคาดการณ์แนวโน้มจากการที่ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน ข้อมูลรอบด้านที่ได้มา จะช่วยให้ตัดสินใจแม่นยำและวางแผนกลยุทธ์ได้เฉียบคม สิ่งที่ตามมาคือ สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการตลาดและความเสี่ยง ทำให้เห็นช่องว่างและสร้างสรรค์สิ่งใหม่
“วิธีที่ง่ายในการทำงานกับ AI คือ บอกเป้าหมายที่ชัดเจน” โสฬสยกตัวอย่างการใช้ AI มาช่วยปรับปรุงการทำงานไลน์ผลิตทองม้วน เขาระบุชัดเจนว่าปัญหาคือ ของเสียที่เกิดจากการผลิต 10% เป้าหมายคือ ลดกระบวนการผลิตของเสีย 5% ให้เสนอแผนออกมา จะวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดและตรงจุดกว่า
ยิ่งถ้าสามารถป้อนข้อมูลของบริษัทให้ AI เรียนรู้และเข้าใจได้มากที่สุดจะช่วยให้ AI ประมวลผลได้แม่นยำและตรงกับเป้าหมายของธุรกิจมากขึ้น

ทั้งนี้โสฬสให้ลูกค้าธุรกิจได้ทดลองให้ AI ช่วยวางแผนธุรกิจและโครงสร้างองค์กร ด้วยคำถาม 2 แนวทางคือ 1.) บริษัทมีปัญหาต้องการแก้ไขปัญหา และ 2.) อยากขยายธุรกิจในมุมที่เรายังมองไม่เห็น เพื่อให้ทุกคนได้เห็นวิธีการตั้งโจทย์ แนวทางข้อมูลที่สามารถมาใช้เป็นข้อมูลสำคัญได้ ไปจนถึงผลลัพธ์ที่ได้
ตัวอย่างการวิเคราะห์หาจุดลดต้นทุน ด้วยการตั้งเป้าหมายให้ AI เข้าใจว่าคุณคือผู้เชี่ยวด้านการผลิตและการปรับโครงสร้างองค์กร โดยให้แบ่งถามคำถามเป็นชุด ได้แก่ วิเคราะห์ขั้นตอนการผลิตทองม้วน ระบุจุดที่มีโอกาสเกิดของเสียสูง ให้คะแนนในแต่ละขั้นตอน สรุปขั้นตอนต่างๆ และนำเสนอ Action Plan เพื่อลดต้นทุน
“เมื่อก่อนเวลาทำขนมไปขายต่างประเทศผมต้องทำขนม 5 สูตร แล้วไปเปิดบูธตามประเทศต่างๆ พอได้ข้อมูลกลับมาให้ R&D ไปปรับสูตรใหม่ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมาก และยังมีข้อจำกัดที่เราไม่รู้ เช่น ตลาดอินเดียเมนูที่ใส่ไข่บางวรรณะกินไม่ได้ วันนี้พอมี AI เราสามารถหาข้อมูลเชิงลึกในแต่ละประเทศและปรับสูตรให้เหมาะกับตลาดที่เราจะไปได้เลย”
ยิ่งใส่ข้อมูลบริษัทได้มากที่สุด เช่น บริษัทมีเครื่องมือการผลิตอะไร จุดเด่นคืออะไร สามารถผลิตขนมแบบไหนได้บ้าง ก็ยิ่งได้ข้อมูลที่นำไปพัฒนาต่อได้ทันที
ตัวอย่างต่อมาคือการนำ AI มาวิเคราะห์ Resume เพื่อหาคนมาทำงานในตำแหน่งที่ต้องการ จากเดิมที่ฝ่ายบุคคลต้องใช้เวลาคัดเลือกใบสมัครจำนวนมาก สามารถระบุรายละเอียดของสิ่งที่เราคาดหวังจากตำแหน่งงานนั้นๆ ให้ AI ช่วยสร้าง Job Description ขึ้นมา จากนั้นก็ให้ AI วิเคราะห์ Resume ของผู้สมัครว่าตรงกับ Job Description หรือไม่
“วันนี้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนการตลาดหรือวิเคราะห์คู่แข่งสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านเครื่องมือ AI ตอบโจทย์ธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ก็ลดต้นทุนการจ้างบริษัทการตลาด หรือองค์กรขนาดเล็กก็เข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียม”

ทั้งหมดนี้คือบทสรุปจากเวิร์กช้อป AI-Powered Transform Your Business’ ที่ธนาคารกสิกรไทยจัดขึ้นเพื่อลูกค้าธุรกิจคนสำคัญในโครงการ K SME SIERRA ให้ได้รับองค์ความรู้ เทคนิค และวิธีการนำ AI ไปเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจโตต่อไปได้อีกแบบเอ็กซ์คลูซีฟกว่าใคร
นอกจากเวิร์กช้อปดีๆ ยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ สำหรับลูกค้า K SME SIERRA ภายใต้โปรแกรม E.D.G.E. พร้อมทั้งบริการเหนือระดับจากทางธนาคาร และสิทธิพิเศษสำหรับผู้นำที่คัดสรรมาให้โดยเฉพาะอีกด้วย










