วันนี้ (20 มี.ค.) หุ้นของบริษัท Kering บริษัทแม่ของ Gucci, Balenciaga, Saint Laurent, Bottega Veneta ร่วงลงอย่างรวดเร็ว ลดลงประมาณ 15% จากมูลค่าตลาด และถูกมองว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทเจ้าของแบรนด์หรูของฝรั่งเศส กำลังถูกได้รับคำเตือนอย่างเป็นห่วงว่ายอดขายในไตรมาสแรกมีความเสี่ยง
โดยเฉพาะตัวแบรนด์ดัง Gucci จะลดลงประมาณ 20% เนื่องจากความอ่อนแอของกำลังซื้อในตลาดเอเชีย
การลดลงของหุ้นบริษัท Kering วันนี้ ยังลากราคาหุ้นของบริษัทสินค้าหรูหราชั้นนำอื่นๆ อย่าง LVMH และ Hermes ด้วย
โดยมีการคาดการณ์ยอดขายสินค้ารวมของกลุ่ม Kering จะลดลงประมาณ 10% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะลดลง 3%
คำเตือนต่อ Kering เป็นการเน้นย้ำถึงความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญในขณะที่พยายามจะเพิ่มยอดขายของ Gucci ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายของกลุ่ม หรือราว 2 ใน 3 ของกำไร ขณะที่ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในตลาดลูกค้าสำคัญในเอเชีย โดยเฉพาะจีน
ตอนนี้ Gucci อยู่ระหว่างการยกเครื่องการออกแบบใหม่ภายใต้การนำของครีเอทีฟไดเรคเตอร์คนใหม่ ‘ซาบาโต เด ซาร์โน่’ หัวเรือใหญ่ของ Gucci เพื่อชิงพื้นที่คืนหลังจากแพ้ให้กับคู่แข่งอย่าง Louis Vuitton และ Dior ของ LVMH ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ตอนนี้นักวิเคราะห์กำลังรอดูว่าคอลเลคชั่นซิกเนเจอร์ใหม่ของแบรนด์ ที่จะออกมาวางจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะส่งผลให้ยอดขายกลับมาหรือไม่ แม้กระแสจากงานแสดงบนรันเวย์ในมิลานของแบรนด์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะได้รับคำวิจารณ์เป็นบวก รวมทั้งกระแสตอบรับบนโซเชียลมีเดียที่ดีด้วย อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นห่วงกับตลาดจีนว่าจะตอบสนองต่อสินค้าคอลเลคชั่นใหม่นี้หรือไม่ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในจีน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลต่อแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์หลายแบรนด์ที่ต้องอยู่ในภาวะอุตสาหกรรมชะลอตัวขณะนี้
Barclays คาดการณ์ว่าบริษัทผู้ผลิตสินค้าหรูระดับไฮเอนด์จะเติบโตประมาณ 5% ในปีนี้ ลดลงจากเกือบ 9% ในปีที่แล้ว เนื่องจากผู้บริโภคอายุน้อยประหยัดมากขึ้นท่ามกลางต้นทุนที่สูงขึ้น
