
กรณีเมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายกฤษดา ทองคำดี อายุ 48 ปี ใช้อาวุธมีดแทงนายสุเทพ อินทิสืบ อายุ 62 ปี ที่ชายโครงด้านซ้าย ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลลำปาง สาเหตุเพราะระหว่างมาช่วยงานที่วัดและพักกินข้าว นายกฤษดา พูดว่า “ส้าจิ้นวันนี้มีเลือดน้อย” ทำให้ นายสุเทพ พูดแซวขึ้นมาว่า “ถ้าเลือดน้อยก็เอาเลือดคนใส่แทน” โดยหลังก่อเหตุตำรวจควบคุมตัวนายกฤษดาไว้ได้

วันที่ 1 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของนายสุเทพ อินทิสืบ ผู้ตาย โดยครอบครัวยังอยู่ในอาการโศกเศร้า พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่าผู้ตายเป็นคนดี เคยเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและดำรงตำแหน่งผู้นำชุมชนมาก่อน ชอบทำบุญช่วยเหลืองานวัดและชุมชนมาตลอดไม่เคยขาด แต่นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบพูดทีเล่นทีจริงแต่ใบหน้าขึงขังหากคนไม่รู้ใจก็อาจจะเข้าใจผิดได้
ด้านนายกมล สารภี อายุ 62 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์นำไปดูจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ที่บริเวณม้าหินอ่อนข้างวัดลำปางกลางฝั่งตะวันตก พร้อมเปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุชาวบ้านได้มาช่วยสร้างเสาตุงหลวง พื่อจะใช้ในงานสมโภชโรงครัว ระหว่างที่กำลังกินข้าวเที่ยงซึ่งเมนูก็คือส้าจิ้น ซึ่งเป็นอาหารทางภาคเหนือ ผู้ตายพูดหยอกล้อกันในหมู่เพื่อนๆ แต่ผู้ก่อเหตุ คือ นายกฤษดา ทองคำดี เกิดโกรธขึ้นมาจนมีการนัดต่อยกันที่บริเวณหน้าวัด ตรงที่เวทีซอในวันที่ 2 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ และระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุก็พูดว่ากลัวจะเป็นหมาเห่าใบตองแห้ง แต่ผู้ตายก็ตอบทีเล่นทีจริงว่าจะไปต่อยตามนัดแน่นอน

สักพักก็ลามมาถึงเรื่องส้าเนื้อเลือดน้อยจนเกิดการท้าทาย เพียงไม่กี่วินาทีผู้ก่อเหตุก็ใช้มีดแทงผู้ตายไปหนึ่งทีทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจและเข้าไปห้าม ซึ่งตอนนั้นผู้ตายยังพูดว่าพูดเล่นเฉยๆ ทำไมถึงได้แทงกันจริงๆ ซึ่งส่วนตัวมองว่าผู้ก่อเหตุช่วงหลังมานี้สภาพจิตใจไม่ค่อยจะดีเนื่องจากประสบปัญหาชีวิตในด้านครอบครัวทำให้กลายเป็นคนคิดมากและชอบเก็บตัว
ส่วนสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุพกมีดตลอดเวลานั้นเนื่องจากหลายเดือนที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายจึงพกมีดไว้ป้องกันตัวมาตลอดก่อนที่จะก่อเหตุดังกล่าว









