‘จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์’ แจงไม่ลงชื่อแก้ ม.112 เพราะมองว่ายังต้องคงไว้ แต่ปรับลดโทษลง

‘จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์’ แจงไม่ลงชื่อแก้ ม.112 เพราะมองว่ายังต้องคงไว้ แต่ปรับลดโทษลง

‘จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์’ แจงเหตุไม่ร่วมลงชื่อแก้ ม.112 อ้างเห็นด้วยกับการแก้ แต่มองว่ายังควรต้องคงไว้ แล้วปรับลดโทษลงเหลือไม่เกิน 1-3 ปี ชี้ปัญหาเกิดเพราะรัฐบาลเองที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์

วันที่ 11 ก.พ. 2564 นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ไม่ร่วมลงชื่อในการเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่า ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2550 การใช้มาตรา 112 แม้กระทั่งรัฐบาลที่ผ่านกระบวนการประชาธิปไตย เป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตนเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่ยังมีมิติบางมุมในทางเนื้อหาและวิธีการแก้ไข ซึ่งอาจจะเห็นต่างจากพรรค แม้ต้องเคารพมติพรรค แต่ในทางกลับกัน ต้องหันมาหาเอกสิทธิส่วนตัวของความเป็น ส.ส.เหมือนกัน ทั้งนี้ แบ่งเป็นสองฝ่ายคือ ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรจะแก้ แต่แก้มากแก้น้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง กับอีกฝ่ายหนึ่งที่เห็นว่าไม่ควรแก้ ซึ่งตนเห็นด้วยในการแก้ไขมาตรา 112 แต่ควรที่จะยังคงมาตรา 112 ไว้ก่อน แล้วลดโทษลงมา อย่างไรก็ตาม การปรับแก้ล่าสุดคือ สมัยที่มีการปฏิวัติของพล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ มีการใช้คำสั่งคณะปฎิรูป จากเดิม 7 ปี เปลี่ยนมาเป็น 3-15 ปี ซึ่งเป็นโทษค่อนข้างสูง และบริบททางการเมืองในวันนั้นกับวันนี้อาจจะต่างกัน แต่ในวันนี้เรื่องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนพัฒนาการไปแล้ว จึงเห็นว่าในการขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันอาจจะต้องคงมาตรา 112 ไว้ก่อน ส่วนจะยกหมวด หรือแยกหมวด เราควรจะต้องพูดคุยกันในวาระต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของการพิจารณาทางกฎหมาย

นายจิรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนมองความเป็นไปได้ในทางการเมือง และอยากที่จะประนีประนอม ซึ่งตนเคารพมติพรรคและเพื่อนสมาชิกทุกคน และที่ผ่านมาได้ชี้แจงผ่านกระบวนการที่ประชุมของพรรคแล้ว ทั้งนี้ ถ้าเราย้อนกลับไปดูบทให้สัมภาษณ์ในการก่อตั้งอดีตพรรคอนาคตใหม่ จริงๆ แล้วไม่มีนโยบายในการแตะมาตรา 112 แต่ปัจจุบันเราต้องยอบรับตามตรงว่า มีการใช้มาตรา 112 ที่ผิดวัตถุประสงค์ มีการใช้ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ และเป็นการใช้ที่มีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เปรียบเสมือนนำมาเป็นนโยบายของรัฐบาลในการจัดการกับผู้ชุมนุม จึงเกิดกระแสการแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้น วันนี้ไม่ต้องกลับไปถามว่าใครเป็นคนที่ปลุกปั่นยุยงให้เกิดกระบวนความคิดที่ต้องมีการแก้ การใช้มาตรา 112 ต้องไม่ใช่การใช้ผิดวัตุประสงค์ และต้องไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุมและประชาชน อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าประชาชนอาจจะมองและวิเคราะห์ว่ามีความขัดแย้งอะไรหรือเปล่า ซึ่งมันเป็นเรื่องประชาธิปไตยภายในพรรค และเป็นเอกสิทธิส่วนตัว ซึ่งตนขออนุญาตสงวนความเห็นไว้ตรงนี้

“ผมเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่อาจเห็นต่างกันในเนื้อหาและวิธีการในการแก้ไข ซึ่งผมเห็นว่า ควรคงมาตรา 112 ไว้ แต่ให้ลดโทษจากที่มีอัตราโทษสูงตั้งแต่ 3-15 ปีนั้น ให้ลดลงเหลือไม่เกิน 3 ปี หรือไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับความทันสมัยของโลกและบ้านเมืองปัจจุบัน และควรจำกัดผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษที่เป็นผู้เสียหายจริงๆ เช่น ให้กรมราชเลขานุการในพระองค์เป็นผู้กล่าวโทษ หรือนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กล่าวโทษได้เท่านั้น” นายจิรวัฒน์ กล่าว

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง