Krungsri Finnovate ปิดดีลสตาร์ทอัพ 4 ประเทศ เล็งลงทุนต่อ 6 กิจการ มูลค่าลงทุน 600-1,000 ล้านบาท

Krungsri Finnovate ปิดดีลสตาร์ทอัพ 4 ประเทศ เล็งลงทุนต่อ 6 กิจการ มูลค่าลงทุน 600-1,000 ล้านบาท

ความเคลื่อนไหวของ Krungsri Finnovate ที่ลงทุนผ่านกองทุน Finnoventure Private Equity Trust I โดยมีการลงทุนไปแล้วกว่า 15 กิจการ ล่าสุดกองทุนมีการเติบโตกว่า 10% และมีหลายกิจการที่เตรียมตัวเข้า IPO

โดยในช่วงท้ายปี 2023 และต้นปี 2024 มี 4 ดีล ที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ 4 ประเทศ เน้นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ดี

‘แซม ตันสกุล’ กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต กล่าวในงาน KRUNGSRI FAMILY MEETUP ว่า 4 ดีลล่าสุดที่เพิ่งปิดไปเป็น 4 ดีล ใน 4 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น 1.MFast ประเทศเวียดนาม 2.Klook ยูนิคอร์นจากฮ่องกง 3.SLEEK รถมอเตอร์ไซด์ EV สัญชาติไทย 4.AwanTunai- Fintech จากประเทศอินโดนีเซีย ทั้ง 4 ธุรกิจเกิดจากการที่ Krungsri Finnovate เริ่มขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็น 4 ดีล ที่น่าสนใจมากๆ

ทั้ง 4 ธุรกิจ ที่เราเลือกลงทุน อย่างตัวแรก ‘MFast’ จากประเทศเวียดนาม เป็น FinTech ที่เราเรียกว่า Agent Based Banking Model โดย MFast มีฟรีแลนซ์มากกว่า 180,000 คน ที่ช่วยขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับทุกธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศเวียดนาม สมัยก่อนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Direct Sales ขายบัตรเครดิต ขายสินเชื่อบุคคล เช่นเดียวกับ MFast ที่เป็นสตาร์ทอัพที่ทำ Direct Sales แบบออนไลน์ ซึ่ง MFast ก็จะช่วยขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้สถาบันการเงินของกรุงศรีที่อยู่ที่เวียดนามได้เช่นเดียวกัน

ธุรกิจที่สองที่เข้าไปลงทุนเป็นสตาร์ทอัพจากฮ่องกง เป็น Travel Tech Unicorn ก็คือ ‘Klook’ เป็นสตาร์ทอัพที่ทำเรื่องของ Travel Experience หรือ Travel Destination โดย Klook จะทำงานร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ รวมถึงไทยเองด้วย และก็จะช่วยนำลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศนั้นๆให้เยอะที่สุด ซึ่ง Klook กำลังเตรียมตัวเข้า IPO ในเร็วๆนี้ ใครเป็นแฟนคลับ Klook อยู่ก็จะได้ใช้กันได้อย่างเต็มที่

ในส่วนของตัวที่สาม ‘SLEEK’ เป็นความภาคภูมิใจของเราเช่นกัน เพราะเป็นตัวแรกที่ได้ลง สตาร์ทอัพในสายที่เกี่ยวกับ Mobility หรือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EV นอกจากเรื่อง Mobility แล้วก็ยังสามารถเข้าเรื่องของ ESG Sustainability ด้วย เพราะว่าการใช้รถไฟฟ้าไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา โดย SLEEK เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่มีผู้ร่วมก่อตั้งเป็นคนไทยและคนสิงคโปร์ แต่โรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งวันนี้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ SLEEK ขายได้หลายพันคัน และมีอีกหลายดีลที่กำลังต่อยอดขายอยู่

และตัวสุดท้ายเป็นสตาร์ทอัพสัญชาติอินโดนีเซียที่ชื่อว่า ‘AwanTunai’ ที่ทำในเรื่องของเทคโนโลยีทางการเงินในรูปแบบ Supply Chain Financing เป็นการปล่อยกู้ให้กับระบบ Supply Chain ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน AwanTunai ทำระบบ Mini ERP ที่เอาไว้สั่งซื้อสินค้า ระบบเก็บสต็อกสินค้า และระบบชำระเงิน ให้ร้านค้าสามารถใช้ได้ฟรี และเมื่อผ่านไป 6 เดือน AwanTunai จะเก็บคะแนนของร้านค้า เช่น ร้านค้านี้จ่ายตรงเวลาหรือไม่ สั่งของเยอะหรือไม่ จะมี Credit score ขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะทำการปล่อยกู้ โดยหาเงินกู้มาจากธนาคาร แล้วนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ชำระเงิน โดยจะไม่ได้ให้เงินกู้โดยตรง วันนี้ AwanTunai กำลังเติบโตอย่างมากในอินโดนีเซีย ซึ่งเราร่วมลงทุนกับ Venture Capital ของ MUFG ที่ชื่อว่า MUIP

“4 ตัวที่เราลงทุนเมื่อปลายปี 2023 และต้นปี 2024 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตดีมาก ปกติสตาร์ทอัพจะเติบโตมากกว่า 50% ในแต่ละปีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็มั่นใจว่าทั้ง 4 ตัว สามารถเติบโตได้ดีมาก ๆ ส่วนการลงทุนที่ผ่านมา โดย Finnoventure Private Equity Trust I ลงทุนไปแล้วกว่า 15 กิจการ และ ณ สิ้นปี 2023 มีการเติบโตกว่า 10% ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองทุนนี้จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยมีความคาดหวังอยู่ที่ 15% ในตลอดระยะเวลาของกองทุน คิดว่าเป็นไปได้แน่นอน และเราจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ว่า สตาร์ทอัพ 15 ตัว ที่เราลงทุนไป กำลังทยอยเตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงปี 2025 หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นการจุดสตารท์ทำให้วงการสตาร์ทอัพของไทย กลับมาคึกคักอีกครั้ง และทำให้เกิดสตาร์ทอัพหน้าใหม่ในประเทศไทยต่อไป”

ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ เล็งที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพ 6 กิจการ มีมูลค่าการลงทุนที่เตรียมไว้ 600-1,000 ล้านบาท แน่นอนว่าจะไม่ได้ลงเฉพาะสตาร์ทอัพในประเทศไทยอย่างเดียว แต่จะขยายไปในประเทศที่มีธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ รวมถึงประเทศใหม่ๆ ที่น่าสนใจอย่าง ฟิลิปปินส์ที่เป็นแหล่งสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้านฟินเทคเชื่อว่าจะได้เห็นเร็วๆ นี้

Chalathip ThirasoonthrakulWriterChalathip Thirasoonthrakul
Business and Economics Editor
[email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง