นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า กรุงศรีฟินโนเวตตอนนี้มีการลงทุนใน 23 สตาร์ทอัพ และมี 3 ยูนิคอร์น คือ Grab, Flash Express และ Klook แต่ความท้าทายสำหรับสตาร์ทอัพในไทยคือ Venture Capital (VC) ส่วนใหญ่ไม่ลงทุนในสตาร์ทอัพที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น (Early-stage) ทำให้มีสตาร์ทอัพไทยที่จะเติบโตต่อเป็นยูนิคอร์นน้อย ซึ่งตรงนี้ควรต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ถ้ายังเป็นแบบนี้มีการพูดกันว่าอีก 2-3 ปี จะไม่มีสตาร์ทอัพไทยให้ลงทุน ไม่อยากให้เกิดกรณีที่ VC ไทย หันไปลงทุนในสตาร์ทอัพเวียดนาม มาเลเซียแทน
สิ่งที่ต้องเปลี่ยนถัดมาคือ การสนับสนุนคนทำงานข้างหลังเช่น บรรดานักพัฒนา โปรแกรมเมอร์ ซึ่งประเทศไทยมีคนกลุ่มนี้เพียง 50,000 คน ในขณะที่เวียดนามมีถึง 500,000 คน ทำให้สตาร์ทอัพไทยแม้จะคิดอะไรใหม่ๆ ได้ แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ทั้งที่คนไทยก็มีความเก่งในแง่ธุรกิจ มีครีเอทีฟ เพียงแต่เราคิดได้ แต่ไม่มีคนลงมือทำ
พอไปดูเวียดนามเขาสามารถทำได้ ซึ่งก็ไม่อยากให้ไทยน้อยหน้าเพื่อนบ้าน ถ้าไปดูอินโดนีเซียมีการสอบถามนักศึกษาจบใหม่ กว่า 80% บอกเลยอยากทำงานใน Local Unicorn ของอินโดนีเซีย เช่น Gojek, Traveloka มาดูนักศึกษาไทยไม่มีใครอยากทำงานใน Local Unicorn ในประเทศ
ถึงตอนนี้ยังมีความหวังว่าอยากจะเห็นแบบในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯที่บริษัทมูลค่าสูง ๆ ส่วนใหญ่เป็น Tech Company ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ประเทศ โดยก่อนหน้าบริษัทเหล่านี้ก็เป็นสตาร์ทอัพกันมาทั้งนั้น จึงหวังว่าประเทศไทยจะมีสตาร์ทอัพไทยที่เติบโตจนเป็น Tech Company มีการจ้างงานนับล้านในประเทศได้ มีคนที่ประสบความสำเร็จในสตาร์ทอัพที่ได้ขึ้นเป็นยูนิคอร์นอีกหลาย ๆ คน
ในปีหน้ากรุงศรีฟินโนเวตมีแผนจะลงทุนอีกกว่า 20 สตาร์ทอัพรวมถึงจัดตั้งกองทุนใหม่เพื่อสตาร์ทอัพในช่วง Early-stage ที่มีศักยภาพ เพื่อส่งเสริมให้สตาร์ทอัพไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุค 4.0 หรือ 5.0 อย่างเต็มตัวในอนาคต และเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีได้อย่างสหรัฐอเมริกา
สรุปความจากงานสัมมนา THE PEOPLE TALK : GAME CHANGER FORUM 2023 ในหัวข้อ “Change สตาร์ทอัพไทยให้ขึ้นทำเนียบ ยูนิคอร์น” จัดโดย THE PEOPLE










