‘ชำนาญ’ ยื่นค้านบัญชีตั้ง ‘อนุรักษ์’ ขึ้น ปธ.แผนกคดีทุจริตฯศาลอุทธรณ์ ปมถูกร้องหาเสียงเลือกตั้งกรรมการศาลยุติธรรม

‘ชำนาญ’ ยื่นค้านบัญชีตั้ง ‘อนุรักษ์’ ขึ้น ปธ.แผนกคดีทุจริตฯศาลอุทธรณ์ ปมถูกร้องหาเสียงเลือกตั้งกรรมการศาลยุติธรรม

การเมือง

“ชำนาญ” ยื่นค้านตั้ง “อนุรักษ์” ขึ้น ปธ.แผนกคดีทุจริตฯศาลอุทธรณ์ ปมถูกร้องหาเสียงเลือกตั้ง ก.ต.บุคคลภายนอกในไลน์  “สภาตุลาการ” ชี้เป็นตำแหน่งสำคัญคุมคดีทุจริต

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม  นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ยื่นหนังสือลงวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ผ่านเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมถึงประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) และกรรมการ ก.ต.เรื่องคัดค้านบัญชีรายชื่อการแต่งตั้ง นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในศาลอุทธรณ์ เนื่องจากมีเหตุสงสัยที่จะมีการกระทำผิดวินัยอันมีลักษณะการหาเสียงเลือกตั้ง ก.ต.บุคคลภายนอกครั้งที่ผ่านมาในไลน์ “สภาตุลาการ” ทั้งที่อยู่ในตำเเหน่ง ก.ต.ซึ่งมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดซึ่งนายชำนาญได้ร้องไปยังกรรมการ ปปช.ไว้ก่อนหน้านี้

นายชำนาญกล่าวว่า ตำแหน่งประธานแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในศาลอุทธรณ์ ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ ต้องมีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง คนที่ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะเป็นดำรงตำแหน่งนี้ คงไม่เหมาะสม ควรให้ผู้ที่ถูกร้องเรียนไปชี้แจงให้เรียบร้อยก่อน ให้ปราศจากข้อสงสัยก่อนและค่อยมาว่ากันอีกที  เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสำคัญ ที่คดีทุจริตจะไปยุติที่ศาลอุทธรณ์

ส่วนกรณีนี้ ตนเองยื่นหนังสือถึง ประธานศาลฎีกา ให้ตรวจสอบเรื่องของแชทไลน์ ล็อบบี้ เลือก ก.ต.บุคคลภายนอก จนถึงขณะนี้ ประธานศาลฎีกายังไม่มีการแจ้งความคืบหน้าให้ตนทราบ ว่าดำเนินการตรวจสอบเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดแล้วหรือไม่  ส่วนตัวมองว่าเรื่องร้องเรียนอื่นนั้นจะช้าหรือเร็วก็ไม่ขัดข้อง แต่เรื่องนี้ต้องดำเนินการตรวจสอบโดยด่วน  เพราะหากสอบสวนแล้วทราบความว่ามีการหาเสียงโดยผิดกฎหมายจริง ก็จะมีผลมากต่อการเข้าสู่ตำแหน่งของ ก.ต.บุคคลภายนอกเป็นอย่างมาก

นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา

นายชำนาญกล่าวอีกว่า ในการเลือก ก.ต.บุคคลภายนอกครั้งนี้ ผิดไปจากเจตนารมณ์เดิม  เพราะเมื่อ 32 ปี ที่ผ่านมา ขณะที่ ตนดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ขณะนั้นมีวิกฤต ก.ต.ผู้พิพากษา ทั่วประเทศไปประชุมกันที่พัทยา จ.ชลบุรี ตนเป็นผู้เสนอโครงสร้าง ก.ต.บุคคลภายนอก ให้มาจาก 3 ส่วน ประกอบด้วย ประธานสภาผู้แทนราษฎร , ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นตัวแทนของประชาชน  ให้เข้ามาตรวจสอบ การปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ต.ถือเป็นการถ่วงดุลอำนาจการทำงานของ ก.ต.อีกที

จากนั้นกฎหมายเปลี่ยน ให้ ก.ต.บุคคลภายนอก มาจากวุฒิสภาก็ยังพอไหว เพราะบุคคลที่วุฒิสภา ส่งมาก็ถือว่าเป็นผู้แทนของประชาชน ก็ยังคงเป็นไปตามเจตนารมณ์ดั้งเดิม แต่พอมาถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากศาลเห็นว่า ตำแหน่ง ก.ต.บุคคลภายนอก ควรมาจากการเลือกกันเอง ก็ยิ่งไปกันใหญ่ มองว่าผิดไปจากเจตนารมณ์ดั้งเดิม

นายชำนาญระบุอีกว่า แจ้งความดำเนินคดีกับนายอนุรักษ์ เพราะขณะนั้นนายอนุรักษ์ ดำรงตำแหน่งเป็น ก.ต.ร่วมลงมติ เอามติเดิม ที่เห็นชอบให้แต่งตั้งนายชำนาญ เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญการพิเศษและสำนักงานศาลยุติธรรม ส่งหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้วกลับมาทบทวนและกลับมติ ก.ต.เดิมเป็นไม่ให้ความเห็นชอบรวมทั้งลงมติให้นายชำนาญพ้นจากราชการโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ

โดยมองว่า การกระทำดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มีความผิดตามมาตรา 112 เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ  จึงแจ้งความในกรณีนี้ ไว้ที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 จากนั้นยื่นร้องไปที่ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบและฟ้องศาลให้เพิกถอนมติดังกล่าวด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามกรณี เรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปยังนายอนุรักษ์ ระบุว่าไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลและไม่ขอพูดเรื่องดังกล่าว

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง