แอลจีเดินทางเข้าสู่ปีที่ 37 ในตลาดประเทศไทยอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการรักษาจุดยืนเรื่องการส่งมอบนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้า ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มทั้งผู้บริโภค ลูกค้าองค์กรธุรกิจ และลูกค้าออนไลน์ เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
พร้อมเปิดออฟฟิศแห่งใหม่ ตอกย้ำแนวคิด ‘Life’s Good.’ พร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กร ‘Smart Life Solution Company’ เต็มรูปแบบ ที่โครงการ One Bangkok ภายใต้ธีม LG’s Next Chapter โดยพื้นที่ออฟฟิศกว่า 2,780 ตารางเมตร
โดย ‘อำนาจ สิงหจันทร์’ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของแอลจีในปี 2567 ซึ่งรวมถึงแอลจี ประเทศไทย คือการมุ่งสู่การเป็นองค์กร Smart Life Solution Company อย่างเต็มรูปแบบจากเทคโนโลยี AI เพื่อส่งมอบ ‘นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ให้แก่ลูกค้า
โดยแอลจีได้ใช้ศักยภาพด้านข้อมูลจำนวนมหาศาล ทั้งในแง่ของปริมาณข้อมูลและคุณภาพของข้อมูล ซึ่งมาจากผลิตภัณฑ์ของแอลจีจำนวนกว่า 700 ล้านชิ้นทั่วโลกซึ่งได้รับการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เพื่อช่วยทำให้แอลจีสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าของเราทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งแอลจีจะประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI กับผลิตภัณฑ์ โซลูชันต่างๆ อาทิ
– โซลูชัน ‘LG AI Brain’ ที่ใช้วิเคราะห์ ตัดสิน และผสานการทำงานของอุปกรณ์แอลจีเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ
– การจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัยและปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วยระบบ ‘LG Shield’ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่มีทั้งความใส่ใจ ไม่ซ้ำใคร และให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก
– ยกระดับประสบการณ์ที่ดีอีกขั้นด้วยด้วยแอปพลิเคชัน LG ThinQ™ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี Affectionate Intelligence ที่เป็นฮับ AI อันล้ำสมัย
– เชื่อมต่อผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ของแอลจีตั้งแต่สมาร์ททีวี เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่นๆ ของแอลจี ด้วยฟังก์ชันต่างๆ เช่น LG OLED TV เครื่องปรับอากาศ LG DUALCOOL™ รวมถึงเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare™
โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของแอลจีมาจากช่องทาง B2C 80% B2B 10% และ D2C 10% สัดส่วนนี้คาดว่าจะเปลี่ยนไปในปี 2568 น่าจะปรับเป็น B2C 70% , B2B 15% และ D2C 15%
และในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า แอลจีวางเป้าหมายสัดส่วนยอดขายจะเปลี่ยนเป็น B2C 50% , B2B 20% และ D2C 30% เพราะมองว่าช่องทางขายใหม่ๆ น่านะสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ สำหรับสินค้าที่ขายดีที่สุดอันดับที่หนึ่งคือ เครื่องซักผ้า สัดส่วนราวๆ 40% ตามด้วยทีวี 30% แอร์ 13-14% และที่เหลือจะเป็นตู้เย็นและสินค้าประเภทอื่นๆ
อย่างไรก็ตามคาดการณ์รายได้ของ แอลจี ประเทศไทย ปีนี้อยู่ที่ราวๆ 16,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 7% จากปีก่อน โดยในช่วงปลายปีหากรัฐบาลมีการกระตุ้นที่ดีมีการแจกเงินสด ก็คาดว่าน่าจะทำให้ยอดขายในช่วงท้ายของปีเพิ่มมากขึ้นได้
โดยในช่วงกว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา แอลจี ประเทศไทย ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ลูกค้าไว้วางใจ การันตีด้วยรางวัลคุณภาพมากมาย
นอกจากนี้ แอลจียังครองอันดับ 1 ในส่วนแบ่งตลาดรวมของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่และเครื่องปรับอากาศ อีกทั้งยังครองอันดับ 1 ในส่วนแบ่งตลาดเครื่องซักผ้า ครองอันดับ 1 ในส่วนแบ่งการตลาดสำหรับตู้เย็นสองประตู ติดหนึ่งในสามอันดับแรกของตลาดตู้เย็นในภาพรวม
ทั้งนี้ แอลจี ประเทศไทย จะยังคงมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นผู้นำของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในตลาดประเทศไทยในการเดินทางสู่ปีที่ 37 ด้วยการนำเสนอนวัตรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มของแอลจีอย่างต่อเนื่อง มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ทุกคนตามพันธกิจ ‘Life’s Good.’ ขององค์กรแอลจี










