สรุปงาน LINE Conference Thailand 2023 ลุยพัฒนา ‘กรุ๊ปแชต’ ตอบโจทย์การทำงาน พร้อมก้าวสู่การเป็น ‘แพลตฟอร์มเปิด’

สรุปงาน LINE Conference Thailand 2023 ลุยพัฒนา ‘กรุ๊ปแชต’ ตอบโจทย์การทำงาน พร้อมก้าวสู่การเป็น ‘แพลตฟอร์มเปิด’

LINE ประเทศไทย จัดงานสัมมนาเทคโนโลยีครั้งใหญ่ LINE Conference Thailand 2023 ซึ่งเป็นงานที่ LINE ประเทศไทย จะมาประกาศวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ที่จะก้าวต่อไป รวมถึงโปรดักต์หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

โดยนอกจากสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวการใช้งานไลน์ของคนไทยแล้ว หนึ่งในโปรดักต์พระเอกที่ไลน์หยิบขึ้นมาพูดถึงในงานนี้ก็คือ ‘กรุ๊ปแชต’ ที่มีการเติบโตขึ้นมาก ซึ่งไลน์ก็ประกาศว่าจะมุ่งพัฒนาโซลูชั่นเพื่อการทำงาน และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ไลน์บอกว่าจะเป็น ‘แพลตฟอร์มเปิด’ ที่พร้อมเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย

ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย บอกว่า ไลน์อยู่เคียงคู่กับผู้ใช้งานชาวไทยมา 12 ปีแล้ว และได้สร้างผลิตภัณฑ์มากมายที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตลอดเวลา ใช้ง่าย และทำให้ชีวิตดีขึ้น

โดยปัจจุบัน ไลน์ก็เติบโตขึ้นมาก มี LINE Official Account ถึง 6 ล้านบัญชี ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 44 ล้านคนในปี 2019 เป็น 54 ล้านคนในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเกิน 90% ของจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทย และเรียกได้ว่าไลน์กลายเป็นแพลตฟอร์มแชตอันดับ 1 ของไทยแล้ว

ดร.พิเชษฐ บอกว่า แต่ถึงอย่างนั้นไลน์ก็อยากจะยกระดับตัวเองให้เป็นมากกว่าแอปแชต แต่ต้องการจะเป็น Hyper-Localized Technology ซึ่งหมายถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศได้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยเติบโตในยุคดิจิทัลได้ในหลากหลายมิติอย่างมั่นคงและยั่งยืน

[ ไม่ทิ้งจุดแข็ง Group Chat เล็งพัฒนาโซลูชั่นเพื่อการทำงาน ]

ภายในงาน ‘นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร’ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ยังได้เผยถึงบริการพื้นฐานอย่าง ‘แชท’ ที่เป็นจุดแข็งของ LINE ซึ่งยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Group Chat ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนไทย สะท้อนจากสถิติการเติบโตที่สูงขึ้นกว่า 56% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจอื่นๆ ของกรุ๊ปแชตอีก คือ

-มีกรุ๊ปแชต 10 ล้านกรุ๊ปที่แอคทีฟ

-มีการส่งรูปภาพมากกว่าผู้ใช้งานประเทศอื่น 68%

-มีการส่งไฟล์มากกว่าผู้ใช้งานประเทศอื่น 67%

-มีการส่งไฟล์เสียง หรือ audio มากกว่าประเทศอื่น 33%

-มีการส่งวิดีโอมากกว่าประเทศอื่น 21%

หากจะถามว่า ‘ใคร’ ใช้กรุ๊ปแชตบ้าง ข้อมูลจากไลน์ระบุว่า 27% เป็นกลุ่มการศึกษา, 77% ใช้ในการทำงาน, 80% เป็นกลุ่มครอบครัว และ 82% เป็นกลุ่มเพื่อน

นอกจากนี้ ครอบครัวที่มีกรุ๊ปแชตยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ โดยกรุ๊ปแชตเพิ่มการพูดคุยในครอบครัวถึง 77% ที่น่าสนใจคือครอบครัวขยาย หรือครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่คนละบ้านกับลูกหลาน ผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มที่แอคทีฟในกรุ๊ปแชตมากกว่าผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเดียวกันกับลูกหลานถึง 24%

หากมาดูเรื่องการใช้ ‘กรุ๊ปแชต’ เพื่อคุยงาน จะพบว่าคนอายุ 25-45 ปี แอคทีฟมากที่สุดในการคุยในกรุ๊ปแชต

ไลน์ยังสรุปข้อมูลเฉลี่ยจำนวนกรุ๊ปแชตของแต่ละคน โดยพบว่าแต่ละคนนั้นมีกรุ๊ปครอบครัว 4 กรุ๊ป, กรุ๊ปการศึกษา 5 กรุ๊ป, กรุ๊ปเพื่อน 7 กรุ๊ป และกรุ๊ปงาน 9 กรุ๊ป

และในกรุ๊ปแชตคุยงาน 9 กรุ๊ป 83% มีการใช้งานแบบแอคทีฟทุกวัน และบางคนใช้กรุ๊ปคุยงานถึง 7 วัน/สัปดาห์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถามถึง work-life balance

‘นรสิทธิ์’ บอกว่าประเด็นดังกล่าวนำมาสู่ความมุ่งมั่นของไลน์ที่ในช่วงปี 2023-2024 จะมุ่งพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ Work Group สำหรับคนไทย เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการทำงาน การใช้ชีวิต และครอบครัวไปด้วยกัน

โดยโซลูชั่นใหม่ๆ ที่คาดว่าจะได้เห็นในกรุ๊ปแชตในอนาคต เช่น

-การทำนัดหมายได้โดยไม่ต้องถามกันไปมา เลือกเวลาที่ตรงกันได้

-จัดการไฟล์ที่ไม่อยากให้หมดอายุได้ เช่น นำไปเก็บในโฟลเดอร์ได้

นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มเพื่อน ในกรุ๊ปก็จะมีข้อมูลร้านอาหาร, แชร์ร้านอาหาร โลเคชั่น รวมถึงหารค่าใช้จ่ายกันได้เลย

[ เปิดตัว LINE Stickers Premium ]

นอกจากนี้ ไลน์ยังได้เปิดตัว LINE STICKERS PREMIUM ซึ่งเป็นระบบ subscription หรือเช่าใช้ ให้ลูกค้าใช้สติกเกอร์ได้แบบเหมาจ่ายรายเดือน/รายปี เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากใช้งานสติกเกอร์ได้หลากหลาย ได้มีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น

สำหรับแพคเกจ LINE STICKERS PREMIUM มี 2 รูปแบบด้วยกัน คือ

-Basic เข้าถึงได้ 9 ล้านสติกเกอร์, มี AI ช่วยแนะนำสติกเกอร์ที่ชอบ ราคา 69 บาท/เดือน และ 699 บาท/ปี

-Deluxe เข้าถึงได้ 9 ล้านสติกเกอร์, มี AI ช่วยแนะนำสติกเกอร์, เข้าถึงธีมได้ 1.5 ล้านธีม และ 1.2 แสนอีโมจิ ราคา 139 บาท/เดือน และ 1,300 บาท/ปี

สำหรับสติกเกอร์ที่สามารถดาวน์โหลดได้จะต้องเป็นสติกเกอร์ที่อยู่บน LINE มาแล้ว 6 เดือนขึ้นไป โดยหากไม่ได้จ่ายเงินแล้ว ก็จะไม่สามารถใช้สติกเกอร์ที่โหลดมาได้

โดยบริการดังกล่าวพร้อมใช้งานแล้ววันนี้ ทั้งนี้ สำหรับครีเอเตอร์จะได้รับส่วนแบ่งตามสัดส่วนการใช้งานจริงของลูกค้า

[ มุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มเปิด ]

‘วีระ เกษตรสิน’ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ (CPO) กล่าวว่า LINE ประเทศไทยเล็งเห็นความสำคัญในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะองค์กรเทคฯ เพื่อคนไทย

โดยในช่วง 5 ปีจากนี้ LINE จะมุ่งสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิด” ที่พร้อมเปิดรับการเชื่อมต่อกับหลากหลายเทคโนโลยีนำสมัย นำมาซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย ทั้งในด้านผู้ใช้งาน ธุรกิจ และพันธมิตร โดยอาศัยแนวคิดตั้งต้นจากทีมงาน LINE ประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1.Extensive Plug-Ins เปิดการเชื่อมต่อกับระบบหรือโซลูชั่นอื่น ๆ อย่างหลากหลาย ทั้งโซลูชั่นที่คิดค้นเพิ่มเติมโดย LINE เอง และระบบที่พาร์ทเนอร์หรือนักพัฒนาทั่วไปได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยในมิติที่กว้างและลึกขึ้น

2.Data Utilization ส่งเสริมให้พันธมิตรและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างไร้รอยต่อ นำไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแท้จริง

3.Performance Marketing เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดบนแพลตฟอร์ม ด้วยศักยภาพการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้น สร้างการเติบโตให้ภาคธุรกิจผ่านโซลูชั่นต่าง ๆ ของ LINE ได้อย่างยั่งยืน

4.Privacy Focused คงไว้ซึ่งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเคร่งครัด

[ ปู 3 โร้ดแมป ยกระดับเทคโนโลยี ]

1.Customer Data Tools เพิ่มขีดความสามารถในจัดการข้อมูลลูกค้าผ่านเครื่องมือ MyCustomer ในการเก็บรวบรวม 1st Party Data ของผู้บริโภค โดยให้อำนาจร้านค้าในการเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้มากกว่าที่เคย ภายใต้ขอบเขตการยินยอมจากผู้บริโภคตามกฎหมาย โดยมีแผนการเปิดตัว MyCustomer สำหรับกลุ่มธุรกิจรายย่อย (SME) และในอนาคต สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการทำ CRM โดยเฉพาะ

2.Ads Improvement ปรับปรุงเครื่องมือสำหรับการโฆษณาบน LINE ให้สามารถวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ข้อมูลที่แบรนด์ได้มาเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น อาทิ การเพิ่ม Segment ในการหากลุ่มเป้าหมายผ่าน Persona Targeting ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

และการเปิดให้ภาคธุรกิจ ร้านค้า สามารถนำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคบน LINE SHOPPING มาวิเคราะห์แบ่งกลุ่ม เพื่อการยิงโฆษณาผ่าน LINE ADS ได้แม่นยำและครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น

3.API & Plug-In เปิดขยายการเชื่อมต่อ API ให้มีความหลากหลายและตอบโจทย์เฉพาะด้านได้อย่างครอบคลุมขึ้น อาทิ LINE SHOPPING API, Messaging API รวมถึงแผนการเปิดตัว LINE OA Plus Plug-in Store แหล่งรวมโซลูชั่นสำหรับนักพัฒนานอกองค์กร LINE ในการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ ๆ และยังเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจไทย ในการมองหาโซลูชั่นให้ตรงกับความต้องการ

แท็กที่เกี่ยวข้อง
KanokwanWriterKanokwan
Business Journalist อดีตผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์ และ Forbes Thailand Online
สนใจเรื่องความเคลื่อนไหวของแบรนด์ เทคโนโลยี โลกอนาคต ชีวิตการทำงาน ความเหลื่อมล้ำ และความเป็นอยู่ของผู้คน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง