“อย่าถามว่าขายได้เท่าไหร่ ถามว่าได้ขายหรือยังวันนี้” เสียงสะท้อนผู้ประกอบการก่อนนโยบายล็อกดาวน์ล่าสุด

“อย่าถามว่าขายได้เท่าไหร่ ถามว่าได้ขายหรือยังวันนี้” เสียงสะท้อนผู้ประกอบการก่อนนโยบายล็อกดาวน์ล่าสุด

COVID-19

“ไม่รู้จะอธิบายความยุคนี้ยังไง แค่เอาตัวรอดวันนี้ กลับไปมีมาม่าเหลืออยู่ที่บ้าน ก็มีความสุขแล้ว” 

พรรณนิดา ไวยกูล หรือ เดม หนึ่งในผู้ประกอบการขายเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้า ระบายความอัดอั้นตันใจ หลังได้รับผลกระทบโควิด-19 อย่างหนักหนาสาหัสกว่าวิกฤตครั้งไหนๆ ผ่าน TikTok

WorkpointTODAY มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณพรรณิภา ก่อนนายกฯ แถลงล็อกดาวน์เพียง 2 วัน เธอได้สะท้อนเรื่องราวและผลกระทบของร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ที่เธอสืบต่อกิจการของพ่อแม่ และร้านนี้เปิดขายในห้างมาแล้วกว่า 20 ปี

“อนาคตของเดมไม่ใช่เดือนหน้านะคะ อนาคตของเดมคือพรุ่งนี้”

          พรรณิภา เล่าว่าสถานการณ์ร้าน ณ ปัจจุบัน ที่ยอดค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ที่ร้านได้รับ หากย้อนกลับไปก่อนที่โควิด-19 จะแพร่ระบาด เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความย่ำแย่อยู่แล้ว ผู้คนไม่ได้นำเงินมาจับจ่ายใช้สอยมากนัก โดยเฉพาะการซื้อเสื้อผ้า ซึ่งถือเป็นสินค้าสิ้นเปลือง เป็นของใช้ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อประจำทุกวัน “เราเป็นปลายทางของคนซื้อ คนไม่มีกินเขาก็ไม่ซื้อ”

จนมาถึงการพร่ระบาดของโควิด-19 รอบนี้ รัฐมีมาตรการห้ามนั่งในร้านอาหาร ส่งผลให้ผู้คนที่แวะเวียนมาห้างแห่งนี้ยิ่งบางตาลง ทำให้สถานการณ์ของร้านแย่ลงไปอีก ร้านที่มีภาระค่าใช้จ่ายร่วมแสน จึงต้องดิ้นรนหาช่องทาง ‘ออนไลน์’ เพื่อขายของนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายพยุงร้าน

“อย่าถามว่าขายได้เท่าไหร่ ถามว่าได้ขายไหมหรือยังวันนี้

         พรรณิภา เล่าว่า นี่นับเป็นวิกฤตที่แย่ที่สุดตั้งแต่เปิดร้านมา ที่ผ่านมากว่า 20 ปี แม้ว่าร้านจะเจอวิกฤตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘ต้มยำกุ้ง’, ‘ห้างไฟไหม้’, หรือ ‘น้ำท่วมปี 2554’ ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่สินค้าในร้าน แต่ที่ผ่านมาวิกฤตต่างๆ เหล่านั้น เข้ามาเป็นระยะเวลาสั้นๆ ร้านสามารถฟื้นตัวคืนกลับมาได้ แต่วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้เป็นตลกร้ายอย่างหนึ่ง เพราะแม้ว่าสินค้าของร้านยังอยู่ดี แต่กลับไม่มีลูกค้าเลยสักคน

และไม่ใช่ร้านเธอร้านเดียวที่ได้รับผลกระทบแต่ทุกร้านเป็นเหมือกันหมด ตอนนี้ในห้างสรรพสินค้าที่แทบจะเป็น ‘ห้างร้าง’ ร้านค้าได้ทยอยปิดไปจำนวนมาก อาจเหลือเพียง 20%เท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ ขณะที่ทางห้างสรรพสินค้าเองก็มีมาตรการลดค่าเช่า 50% และทางห้างฯ ก็ยังมีภาระค่าใช้จ่าย ค่าไฟ ค่าดูแลพนักงานในแต่ละเดือน ทำให้ทางห้างสรรพสินค้าไม่สามารถช่วยเยียวยาผู้เช่าหรือลดค่าเช่าได้มากกว่านี้ พรรณิภาก็ข้าใจต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

ขณะที่มาตรการภาครัฐ ที่ผ่านมาอาจช่วยผู้บริโภคให้มีแรงซื้อในช่วงสั้นๆ แต่ไม่ได้ช่วยผู้ประกอบกิจการมากนัก เพราะเมื่อผู้บริโภคใช้มาตรการจนครบโควตาลูกค้าก็ไม่กลับมาซื้อ

“อยากให้มีการวางมาตรการช่วยผู้ประกอบการ อย่างการพักชำระหนี้ คือที่ผ่านมามีการพักชำระหนี้แต่ไม่ได้หยุดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยมันยังหมุนอยู่ คราวนี้พอการพักชำระหนี้มันสิ้นสุด เรามาคิดดอกเบี้ยทบต้นแล้ว มันเท่ากับเราต้องเสียเงินเพิ่มกว่าเก่า มันไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการเลย เหมือนเราเป็นหนี้มากขึ้น”

พรรณิภา กล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะผู้ประกอบการสิ่งที่ต้องการคือ ‘การเปิดประเทศ’ ให้เร็วที่สุด ปัญหาหลักเลยคือคนยังกลัวกันอยู่ คนยังไม่สามารถออกมาดำเนินชีวิต ทำกิจกรรมในแต่ละวันได้เหมือนปกติเหมือนเมื่อก่อน เพราะฉะนั้นปัญหาหลักตอนนี้ คุณหาวัคซีนดีๆ มาให้เขา คุณเลือกความเป็นมนุษย์ก่อน คุณเอาชีวิตของคนก่อน ก็ฝากให้คนที่เกี่ยวข้องเผื่อเขาจะได้ยิน

การฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เร็ว ให้สามารถออกมาทำงาน มีเงิน ระบบเศรษฐกิจมันก็จะกลับมาเอง โดยที่รัฐบาลอาจไม่ต้องหาทางช่วยเยียวยาผู้ประกอบการเลย หากมีการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนที่ดีตั้งแต่ต้น

         “ผู้ประกอบการเขาไม่ได้อยากได้อะไรมากหรอกค่ะ เขาอยากได้ลูกค้า”

โชคภิรักษ์ Writerโชคภิรักษ์
นักศึกษาฝึกงานตัวน้อย ชอบขีดเขียน ดูซีรีส์วาย ถ้าลางานไป meeting ได้ทุกเรื่องก็จะทำ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
“อย่าถามว่าขายได้เท่าไหร่ ถามว่าได้ขายหรือยังวันนี้” เสียงสะท้อนผู้ประกอบการก่อนนโยบายล็อกดาวน์ล่าสุด