แม้หลายๆ คนจะมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยไม่ได้เติบโตพุ่งพรวดก้าวกระโดดและศูนย์เศรษฐกิจหลายๆ เจ้าเริ่มออกมาปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2567 แล้ว แต่ว่า ‘ลอรีอัล’ เบอร์ 1 ความงามโลก ประกาศว่า “ปีนี้เป็นปีทองของตลาดความงาม”
ถามว่า “เพราะอะไร?” TODAY Bizview ชวนย้อนดูสถิติตลาดความงามไทยในปี 2567 จะพบว่า ภาพรวมตลาดความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย (personal care) เติบโต 12% มีมูลค่าสูงถึง 2.85 แสนล้านบาท โดยแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์มีมูลค่า ดังนี้
– กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 1.13 แสนล้านบาท
– กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 3.9 หมื่นล้านบาท
– กลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ 2.27 หมื่นล้านบาท
– กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม 1.02 หมื่นล้านบาท
‘ลอรีอัล กรุ๊ป’ มีสินค้าครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่มข้างต้น รวมกว่า 36 แบรนด์ โดย ‘ลอรีอัล ประเทศไทย’ มีแบรนด์ที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทย 15 แบรนด์ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่แมสไปจนถึงไฮเอนด์ ได้แก่
– แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค : ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก
– แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง : ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมูระ, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ และ อิท คอสเมติกส์
– แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ : ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
– แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง : ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี
โดย ‘ลอรีอัล’ ระบุว่า ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดหลักของภูมิภาค SAPMENA (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ) และในขณะที่ภูมิภาค SAPMENA เติบโต 23.2% ประเทศไทยก็สามารถเติบโตสองหลักเหนือกว่าตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ผลประกอบการทั่วโลกของลอรีอัลกรุ๊ปในปี 2566 มีอัตราการเติบโตสููงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปีที่ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยยอดขายรวมมูลค่า 4.118 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท) คงตำแหน่งบริษัทความงามอันดับ 1 ของโลก พร้อมๆ กับภาพรวมตลาดความงามโลกปี 2567 ยังคงคึกคักและส่งสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่อง
จึงไม่แปลกที่ ‘แพทริค จีโร’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา บอกว่า “ปี 2566 เป็นอีกหนึ่งปีทองของตลาดความงามที่คึกคักและเต็มไปด้วยการแข่งขันสูง ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทยยังคงขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นผู้นำในตลาดความงามในหลายเซกเมนต์ได้สำเร็จ
ท่ามกลางความท้าทายจากคู่แข่งที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายและผู้บริโภคที่มีความสนใจในความงามที่แตกต่างและหลายหลายรูปแบบ ลอรีอัลจะผลักดัน 4 กลุ่มธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ One L’Oréal โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว กลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ ให้ผ่านการจุดกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในทุกเซกเมนต์”
[ กลยุทธ์ One L’Oréal คืออะไร ]
กลยุทธ์ One L’Oréal คือ กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรด้านบุคลากร ด้านธุรกิจ และด้านความยั่งยืน ให้ทุกกลุ่มธุรกิจและแผนกส่วนกลางพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างการเติบโตในตลาดความงามอย่างยั่งยืน
– People 1st ให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก สร้างความเข้มแข็งและคุณภาพ พัฒนาความเป็นผู้นำทีมและการทำงานร่วมกันให้กับบุคลากรในทุกระดับ สร้างเส้นทางการเติบโตตามความสนใจ รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมและวิถีการทำงานที่ส่งเสริมให้ทำงานอย่างมีความสุขพร้อมการดูแลที่ดีจากบริษัท
– #1 Beauty Company สร้างแบรนด์ให้ครองใจผู้บริโภค ชูความเชี่ยวชาญในด้านงานวิจัย และดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์-ประสบการณ์ ความต้องการที่หลากหลาย สร้างโอกาสในการเติบโตเชิงกลยุทธ์ด้วยพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์ที่ครอบคลุม
– One Loved Company ขับเคลื่อนองค์กรในการทำงานสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมีเป้าหมายทั้งในระดับแบรนด์และองค์กรควบคู่กับด้านธุรกิจ ตามพันธกิจความยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำหรับปี 2030 เน้นย้ำภาพลักษณ์องค์กรในบิวตี้เทค และดำเนินงานอย่างมีวิสัยทัศน์และ Sense of Purpose ในการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก
– F1t for the Future ผลักดันให้องค์กรและพนักงานมีความพร้อมและพัฒนาทักษะเพื่อรับอนาคต มุ่งใช้ data และ AI ในกระบวนการทำงานเพื่อประสิทธิภาพเพื่อการวิเคราะห์และความฉับไว รวมถึงสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทผู้นำด้านเทคโนโลยีความงาม
อีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ ‘ลอรีอัล กรุ๊ป’ ในประเทศไทย ยังได้เริ่มต้นปี 2567 ด้วยการเปิด “Baan Beauté” (บ้านโบเต้) สำนักงานใหญ่แห่งใหม่และศูนย์กลางของลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา
โดยสำนักงานแห่งนี้ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Beauty Meets Technology & Sustainability โดยผสมผสานความงามของเส้นสายโค้งมนเข้ากับสีสันสดใสซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเมคอัพ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ทำงานร่วมกันของพนักงานเพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน
อีกทั้งยังมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำที่นอกจากจะช่วยให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังออกแบบมาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นให้ประหยัดพลังงานและทรัพยากรตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนของลอรีอัลอีกด้วย










