ทิศทาง ‘โลตัส’ ใต้อาณาจักรซีพี ชูกลยุทธ์ New SMART Retail ปูพรมออนไลน์ช้อปปิ้ง

ทิศทาง ‘โลตัส’ ใต้อาณาจักรซีพี ชูกลยุทธ์ New SMART Retail ปูพรมออนไลน์ช้อปปิ้ง

เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่แบรนด์ค้าปลีกอย่าง ‘โลตัส’ เข้ามาอยู่ในอาณาจักรซีพี โดยอยู่ในภายใต้แมคโคร

สิ่งที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรม คือการเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก Tesco Lotus มาเป็น Lotus’s ซึ่ง ‘สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย’ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย บอกว่า การเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่นี้ สะท้อนถึงทิศทางที่โลตัสจะก้าวต่อไปได้อย่างชัดเจน

เขาบอกว่า เครื่องหมาย ‘ เป็น drop pin ที่หมายถึง Destination หรือจุดหมายปลายทาง ส่วน s ตัวสุดท้ายคือ Smart หรือชาญฉลาด

พอรวมแล้วจึงมีความหมายว่า ทิศทางของโลตัสต่อจากนี้ คือต้องการจะเป็น “จุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งที่ชาญฉลาด” นั่นเอง

การเป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งที่ชาญฉลาดที่ว่า ก็คือการที่โลตัสมุ่งไปสู่การเป็นผู้นำ New SMART Retail แห่งวงการค้าปลีก

ซึ่งโลตัสบอกว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเชื่อมต่อช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ขยายช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น พร้อมๆ ไปกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าด้วย Data Offer สำหรับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะ

โดยการมุ่งไปสู่ความเป็นผู้นำ New SMART Retail โลตัสบอกว่าจะทำผ่าน 4 กลยุทธ์ด้วยกัน คือ

  1. Inspiring fresh & food destination: ศูนย์รวมอาหารและอาหารสดชั้นนำ

โลตัสบอกว่านอกจากจะมีการปรับสินค้าในร้านให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เพิ่มสินค้าผลไม้คัดเกรด และสินค้าพรีเมี่ยมเข้าไปในบางแห่ง โดยที่ในภาพรวมยังเป็นสินค้าในราคาเอื้อมถึง

ในเรื่องของพื้นที่เช่า โลตัสก็มาเน้นเรื่องของอาหารมากขึ้น โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้เพิ่มร้านอาหารทั้งแบรนด์ดังที่ลูกค้าชอบและแบรนด์ท้องถิ่นเข้ามาให้บริการในพื้นที่เช่าไปแล้วมากกว่า 1,300 ร้าน และต้องการจะเพิ่มเป็น 5,800 ร้านในสิ้นปีนี้

ส่วนในเรื่องของสาขา โลตัสบอกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 39 สาขา ปรับปรุงไปอีก 629 สาขา ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละพื้นที่ เช่น SMART Urban Supermarket, Open Air Mall และ SMART F&B Heaven ซึ่งทั้งหมดชูความเป็นศูนย์รวมอาหารและศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบชุมชน

คอนเซ็ปต์เหล่านี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทำให้โลตัสบอกว่าจะนำคอนเซ็ปต์เหล่านี้ไปต่อยอดสำหรับการเปิดสาขาใหม่รวมถึงการปรับปรุงสาขาในครึ่งปีหลัง ซึ่งโลตัสวางแผนว่าจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 70-80 สาขา รวมถึงโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ สาขาแฟล็กชิปที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ด้วย

สำหรับการรีแบรนด์จาก Tesco Lotus เป็น Lotus’s คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดครบทุกสาขาภายในเดือน ส.ค. – ก.ย. นี้

ทั้งนี้ จำนวนสาขาของโลตัส ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 มีดังนี้ ไฮเปอร์มาร์เก็ต 224 สาขา, ซูเปอร์มาร์เก็ต 203 สาขา, มินิซูเปอร์มาร์เก็ต 1,852 สาขา รวม 2,279 สาขา

  1. SMART life solutions: เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ลูกค้า และมอบประสบการณ์ omni-channel ที่ไร้รอยต่อ

ในเดือน มี.ค. 2565 โลตัสได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่นค้าปลีกของตัวเองที่ชื่อว่า Lotus’s SMART App ซึ่งเป็นแอปที่รวมทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโปรแกรมขอบคุณลูกค้าอย่าง MyLotus’s เข้าด้วยกัน

ซึ่งดูเหมือนว่าแอปดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีเลยทีเดียว จากตัวเลขการดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 4.5 ล้านราย และยอดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เติบโตขึ้นกว่า 400% ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2565

การมีแอปพลิเคชั่นนี่เองที่ทำให้โลตัสสามารถขยายบริการซื้อของออนไลน์ไปได้ในทุกจังหวัดที่มีโลตัสตั้งอยู่ โดยบนแอปมีบริการทั้งแบบ on-demand หรือส่งสินค้าทันทีจากโลตัส โก เฟรช ใกล้บ้าน และอีกบริการคือแบบ next-day ส่งสินค้าวันถัดไปจากไฮเปอร์มาร์เก็ต

การมุ่งสู่บริการผ่านออนไลน์ที่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อจากช่องทางออฟไลน์นี้ ส่งผลไปถึงแนวทางการเลือกโลเคชั่นในการเปิดสาขาใหม่ของโลตัสหลังจากนี้ด้วย โดยสาขาใหม่ๆ ที่โลตัสจะเลือก จะต้องเป็นสาขาที่มีแนวโน้มที่จะให้บริการทั้งออฟไลน์และออนไลน์ได้

โดยโลตัสตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปี ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 15-20% จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับเลขหลักเดียวเท่านั้น

  1. Personalized value that goes beyond price: ความคุ้มค่าที่มากกว่าราคาประหยัด มอบสิทธิพิเศษที่รู้ใจลูกค้าแต่ละราย

โลตัสมีโปรแกรมขอบคุณลูกค้าที่เรียกว่า MyLotus’s (มายโลตัส) ซึ่งจะใช้ AI มาประมวลผลข้อมูลของลูกค้าจนออกแบบส่วนลดและสิทธิพิเศษที่เหมาะกับความต้องการและพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละคนได้

นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.ค. โลตัสยังเปิดตัวแคมเปญ ‘ราคามายโลตัส’ ซึ่งร่วมกับ 50 แบรนด์ ลดราคามากกว่า 500 รายการ ให้สมาชิกมายโลตัส ซึ่งในครึ่งปีหลังโลตัสจะหมุนเวียนสินค้าอื่นๆ สำหรับแคมเปญนี้ต่อไป

  1. Everyday sustainability: แพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร

‘สมพงษ์’ บอกว่า โลตัสนั้นยังมุ่งมั่นในการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านการจำหน่ายสินค้าในสาขาและช่องทางออนไลน์ของโลตัส หรือการดำเนินธุรกิจในพื้นที่มอลล์ของโลตัส รวมถึงเดินหน้าพัฒนาศักยภาพรอบด้านให้ SME และเกษตรกรด้วย

แผนงานในครึ่งปีหลัง จะยังคงเน้นการจับคู่ธุรกิจเพื่อรับซื้อสินค้า SME เพิ่มเติม การพัฒนาศักยภาพผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ การรับซื้อผักและผลไม้ตรงจากเกษตรกร โดยเฉพาะผลไม้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI (Geographic Indications หรือ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์)

นอกจากนั้น โลตัสยังได้ร่วมกับ CP Origin ในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มที่จะช่วยผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านสาขาของโลตัส โดยสามารถเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าในระยะสั้น เริ่มต้นเพียงแค่ 1 วันเท่านั้นได้

“ด้วยปัจจัยบวกที่เริ่มเห็นมากขึ้น จากนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ ผมเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะเริ่มฟื้นตัว ซึ่งโลตัสก็มีความพร้อมในการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งที่เราได้ปูเอาไว้ในครึ่งปีแรก และเราจะใช้ความเป็นผู้นำ New SMART Retail ในการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด” สมพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

KanokwanWriterKanokwan
Business Journalist อดีตผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์ และ Forbes Thailand Online
สนใจเรื่องความเคลื่อนไหวของแบรนด์ เทคโนโลยี โลกอนาคต ชีวิตการทำงาน ความเหลื่อมล้ำ และความเป็นอยู่ของผู้คน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง