“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็น LifeScape Developer เปิดแผนธุรกิจปี 66 “LifeScape at a New Height” บุกหนักธุรกิจอสังหาฯ แบบ All Time High เปิดโครงการบ้านและคอนโดใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,700 ล้าน
‘เพชรลดา พูลวรลักษณ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรีและโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรให้เปลี่ยนสถานะจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) สู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต (LifeScape Developer) อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกมิติ
ล่าสุด ในปี 2566 บริษัทจะเดินหน้าแผนธุรกิจ “LifeScape at a New Height” ผลักดันความแข็งแกร่งและศักยภาพ เพื่อการเติบโตสู่อีกขั้น โดยมี 3 ด้านหลักที่มุ่งผลักดัน ได้แก่
- Solidify Residential-Scape ผลักดันความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจหลัก
- Fortify LifeScape & PetScape ตอกย้ำความแข็งแกร่งให้จุดเด่นของแบรนด์
- Diversify Revenue ปรับสัดส่วนประเภทของธุรกิจหลัก พร้อมผลักดันความแข็งแกร่งธุรกิจใหม่
สำหรับด้าน Solidify Residential-Scape ผลักดันความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจหลักในหลากหลายมิติ ได้แก่ All Time High เปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อตั้ง 24 ปี จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,700 ล้านบาท แบ่งเป็น
- คอนโดมิเนียม Super Luxury High-rise 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,800 ล้านบาท
- บ้านจัดสรร 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,900 ล้านบาท
เพื่อให้พร้อมรองรับความต้องการผู้บริโภค ในภาวะความต้องการและเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังโควิด-19

โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดนั้น จะมีทั้งแบรนด์ใหม่ 5 แบรนด์ เจาะหลากเซ็กเมนท์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น อาทิ
- แบรนด์ Marquis (มาร์ควิส) แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซูรีที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์ด้านการมีชีวิตที่ด
- แบรนด์ Mayfield (เมย์ฟิลด์) พรีเมียมทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบให้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ
- แบรนด์ Mayfield Lane (เมย์ฟิลด์ เลน) แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักชูรีทำเลใจกลางเมือง
- แบรนด์ Milford (มิลฟอร์ด) แบรนด์ทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์
และยังมีแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ เป็น Super Luxury Limited Edition ที่จะเปิดเผยชื่อแบรนด์ในอนาคต
โครงการใหม่ในปีนี้ยังเน้นไปที่ New Location ขยายอาณาจักรที่อยู่อาศัยสะสมของบริษัทให้ครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่ใจกลางย่านธุรกิจ (CBD) ไปจนถึงพื้นที่ใจกลางธุรกิจส่วนต่อขยาย (Extended CBD) และพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก (Greater Bangkok) โดยโครงการใหม่ในปีนี้จะเกาะทำเลที่มีความต้องการสูง ตั้งแต่ สุขุมวิท-พร้อมพงษ์ พญาไท พัฒนาการ ลาดพร้าว และรามคำแหง

“ก่อนเกิดโควิด เราเปิดตัวโครงการใหม่ตลอดต่อเนื่องทุกปี จนกระทั่งโควิดที่หยุดไป เราก็ปรับกลยุทธ์หลักไปหยุดเลือดไหล แล้วหาเงินสดให้ได้มากที่สุด เราเลยเร่งขายโครงการที่มีอยู่ จนปิดการขายไปได้ 13 โครงการ ก่อนจะกลับมาเปิดโครงการใหม่อีกครั้งในปี 2022 จำนวน 2 โครงการ”
“แม้ในช่วงที่ผ่านมา เราจะชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ลงไป แต่เราไม่ได้อยู่เฉยๆ เราผ่าตัดองค์กรหลายๆ ด้าน เพื่อให้พร้อมรองรับการพลิกโฉมการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
“ทั้งการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง มาดูแลด้านการพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าหรือ Customer Experience โดยตรง การปรับวิธีคิดของพนักงานให้เป็น Warrior Mindset มีวิธีคิดแบบนักสู้ พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
“รวมถึงได้ทยอยลงทุนด้าน Digital Transformation พัฒนา Future Platform วางรากฐานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปีนี้และปีหลังจากนี้ เรามั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตสู่อีกระดับ” คุณเพชรลดา กล่าว
ด้าน Fortify LifeScape & PetScape ตอกย้ำความแข็งแกร่งให้จุดเด่นของแบรนด์ จับมือพันธมิตร พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก บริการ กิจกรรม สิทธิพิเศษต่างๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งในและนอกที่อยู่อาศัยของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 โครงการที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ทุกโครงการ (No.1 Pet-Friendly Residences)
รวมถึงจับมือพันธมิตรด้านคุณภาพการออกแบบ การก่อสร้าง วัสดุ เพื่อสร้างสรรค์งาน Craft & Quality พร้อมทั้งเดินหน้ายกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคมผ่านโครงการ Care-Share-Change ทั้งการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ตามไซต์ก่อสร้าง รวมถึงการจัดถังขยะสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ การช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงผ่านมูลนิธิต่างๆ
ขณะที่ด้าน Diversify Revenue คือการปรับสัดส่วนโดยเพิ่มการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น อีกทั้ง ยังขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ LifeScape Developer ด้วยการขยายธุรกิจใหม่ๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอีก 2 ธุรกิจคือ HealthScape และ TechScape
เพชรลดา กล่าวอีกว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว ที่จะช่วยสร้างเม็ดเงินสะพัด เพิ่มบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อให้แก่ตลาด

เมื่อประกอบกับแผนธุรกิจ LifeScape at a New Height การเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ การฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานมาช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ตลอดจนการเดินหน้าลุยธุรกิจใหม่ บริษัทมั่นใจว่า ภาพรวมธุรกิจของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง สร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยตลอดปี 2566 ที่ 7,000 ล้านบาท และสร้างรายได้รวมที่ 5,000 ล้านบาท เติบโต 67% จากปีก่อน
“เรามุ่งมั่นสรรสร้างอนาคตที่ดีให้ผู้บริโภค ควบคู่กับการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง โรดแมประยะยาวของเราจะเห็นการกระจายพอร์ตฟอลิโอที่อยู่อาศัยระหว่างคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ให้พร้อมรองรับทุกสภาวะเศรษฐกิจ
“เราจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็จะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนขึ้นมาเป็น 20% ในอีก 5 ปีข้างหน้า” คุณเพชรลดา กล่าว
อ่านข่าวน่าสนใจ:










