ความคืบหน้ากรณีที่มาเลเซียมีแผนสร้างท่าเรือคอนเทนเนอร์แห่งใหม่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรมลายู ใกล้กับแนวช่องแคบมะลากา หนึ่งในเส้นทางเดินเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก การสร้างท่าเรือแห่งนี้เพื่อรองรับความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นจาการการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
โดยท่าเรือนี้มีมูลค่าก่อสร้างประมาณ 2,000 ล้านริงกิต หรือราว 425 ล้านดอลลาร์ เป็นความร่วมมือของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในมาเลเซีย ร่วมกับรัฐวิสาหกิจด้านวิศวกรรมทางทะเลของจีน
และจะเป็นท่าเรือแห่งแรกของประเทศที่จะมีการนำระบบ AI มาใช้เพื่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของท่าเรือ มีการนำเครนอัตโนมัติ รถบรรทุกไร้คนขับ และมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับสูงมาช่วยดำเนินการ เพื่อลดข้อผิดพลาด ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งระบบ AI จะมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทราฟิก กำหนดเวลาการเข้าออกเรือ ติดตามการปฏิบัติการทางทะเลรอบท่าเรือ และจัดการโลจิสติกส์อัตโนมัติ
ท่าเรือนี้ตั้งที่เมืองพอร์ตดิกสัน ในรัฐเนอเกอรีเซิมบีลัน ใกล้กับเมืองหลวงกัมลาลัมเปอร์และจุดกึ่งกลางของช่องแคบมะละกา ซึ่งประเมินว่าบริเวณนี้จะได้รับประโยชน์จากการสัญจรและเชื่อมต่อกับพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญในมาเลเซีย
บริษัทผู้พัฒนาโครงการนี้ ยังคาดว่าท่าเรือใหม่นี้จะช่วยให้เป้าหมายของมาเลเซียในการสร้างศูนย์กลางท่าเรือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจในรัฐเนอเกอรีเซิมบีลัน ไปจนถึงช่วยสนับสนุนสถานะทางการค้าระดับโลกของมาเลเซีย
ส่วนโครงสร้างท่าเรือจะมีท่าเทียบเรือยาว 1.8 กิโลเมตร และพื้นที่รองรับการจัดการตู้คอนเทนเนอร์กว่า 8 แสนตารางเมตร และสามารถรองรับเรือคอนเทนเนอร์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดได้
อย่างไรก็ตามบริษัทผู้พัฒนายังไม่ประกาศช่วงเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า ในขณะที่บริษัทระดับโลกได้กระจายห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจตัวเองออกมาทางฝั่งอาเซียน ทำให้มาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้อานิสงส์ดึงดูดการลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอื่นๆ โดยท่าเรือ Klang ที่เป็นท่าเรือที่ใช้งานหลักและใหญ่ที่สุดของประเทศวางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่าเพื่อรองรับความต้องการ
ส่วนท่าเรือใหม่ที่วางแผนจะก่อสร้างนั้นจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการขนส่งทางทะเลของประเทศได้อย่างมาก เนื่องจากมีเครือข่ายถนนและทางหลวงที่จะเชื่อมต่อกับพื้นที่อุตสาหกรรมหลักๆ










