นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าฯ ลิบง เปิดเผยว่า “มาเรียม” พะยูนน้อย ยังต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพื่อให้ปลอดภัย ก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล
วันที่ 8 มิ.ย. 62 เพจ ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เผยแพร่ข้อความว่า นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าฯ ลิบง รายงานว่า เจ้าหน้าที่เขตฯ ลิบง ร่วมกับสัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกลุ่มพิทักษ์ดุหยง ยังต้องติดตามเฝ้าระวังลูกพะยูนบริเวณเขาบาตู เพื่อป้อนนมและหญ้าทะเลมาเรียม
โดยเปิดเผยว่า “ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาสาสมัคร ยังต้องดูแลลูกพะยูนอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าสุขภาพจะแข็งแรง แต่เนื่องจากลูกพะยูนยังเล็ก หากปล่อยคืนสู่ทะเลอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ ซึ่งในช่วงนี้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เจ้าหน้าที่ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยในเวลากลางคืนต้องนำลูกพะยูนไปไว้บริเวณน้ำลึก เพื่อป้องกันน้องเกยตื้น

ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคอยเฝ้าระวังดูแล ส่วนในช่วงเวลากลางวันยังต้องนำลูกพะยูนออกมาป้อนนมและหญ้าทะเล ตามเวลาที่กำหนด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลจนกว่าลูกพะยูนจะช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งในเรื่องของการกินหญ้าทะเล และไม่ต้องการนมแล้ว
ซึ่งลูกพะยูนจะต้องเรียนรู้เรื่องการช่วยตัวเองตอนน้ำลง จะได้ไม่เกยตื้น หรือจนกว่าลูกพะยูนจะโตขึ้นและสามารถเข้ากับพะยูนตัวอื่นในฝูงได้” นายชัยพฤกษ์ กล่าว

โดยพะยูนน้อย ที่ได้รับการตั้งชื่อว่า “มาเรียม” ได้หลงฝูง และเกยบริเวณแหล่งหญ้าทะเลอ่าวทึงปอดะ จังหวัดกระบี่ ในสภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจึงมีการนำมาอนุบาลในแหล่งอาศัยตามธรรมชาติที่อ่าวทุ่งคา เกาะลิบง จ.ตรัง ซึ่งเป็นแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่ และมีพะยูนมากกว่าร้อยตัว” เพื่อให้ “มาเรียม” ได้คุ้นชินกับธรรมชาติ โดยการอนุบาลในลักษณะนี้ ยังถือว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
ซึ่งด้วยความน่ารักของมาเรียม ที่มีภาพเผยแพร่ออกมาเป็นระยะ โดยเฉพาะภาพที่นอนหลับในอ้อมกอดของเจ้าหน้าที่ หลังจากกินนมอิ่มแล้ว ก็ทำให้มาเรียม กลายเป็นพะยูนระดับขวัญใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด อันเนื่องมาจากพบว่า มาเรียมมักหลับและตื่นไม่ทันน้ำทะเลลด ทำให้เกยตื้นที่ชายหาดอยู่บ่อยครั้ง
โดยพะยูนเป็นสัตว์ทะเลหายาก และสัตว์สงวนของไทย มีอยู่ในน่านน้ำไทยเพียงราว 300 ตัวเท่านั้นในปัจจุบัน


ข้อมูลเเละภาพจาก ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช









