แพทย์แผนไทยฯ ย้ำกฎหมายคุมช่อดอกกัญชา ‘เปิดให้บริการสูบในร้าน’ ไม่ได้เด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากรกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม และสำนักงานเขตพระนคร ทีมเทศกิจ เขต กทม. ร่วมกิจกรรมลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตาม กำชับ สื่อสาร สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานบันเทิง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ฉบับล่าสุด
ประกาศฉบับนี้มีการปรับปรุงประกาศให้เหมาะสมกับการใช้กัญชาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่อดอก ต้องไม่นำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร ในส่วนที่เป็นข้อห้ามของประกาศดังกล่าว ที่มีความชัดเจน คือ
1. ห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร
2. ห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา
3. ห้ามให้บริการสูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป
4. ห้ามจำหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
5. ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า
6. ห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น
นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ชี้แจงเหตุผลที่ควบคุมช่อดอกกัญชา เนื่องจากข้อกังวลเรื่องการใช้กัญชา คือ ตัวสาร THC ที่มีปัญหาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่สาร CBD จะมีประโยชน์ ทั้งเรื่องการลดการอักเสบ ผสมในครีมลดการอักเสบในผิวหนัง เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ จึงต้องควบคุมช่อดอกเป็นหลัก เพราะมี THC มาก ซึ่งในไทยจะพบ 5-20% ในช่อดอก หลายพันธุ์อาจขึ้นไปถึง 30% แต่ส่วนอื่นๆ อย่างใบ ข้อมูลวิชาการพบว่า มี THC 0.2% ซึ่งก็ใกล้เคียงกับสารสกัดที่เกิน 0.2% เป็นยาเสพติด แต่ข้อเท็จจริงมีสาร CBD อยู่ 2% ซึ่งเมื่อมี CBD เข้ามาด้วยจะทำให้ตัว THC ออกฤทธิ์ลดลง แต่ช่อดอกจะสูงกว่า จึงต้องควบคุม อันนี้เป็นข้อมูลในตำรา แต่เมื่อกรมฯ นำไปตรวจสอบเองก็ได้ผลคล้ายกัน
จากกรณีที่มีการเปิดให้สูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งขัดต่อกฎหมายตามประกาศดังกล่าว คือ ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการสูบในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยบุคคลดังต่อไปนี้ ซึ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตน ได้แก่
- ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน
- ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน
- ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม
- ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ซึ่งใช้ในการรักษาสัตว์
ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวสามารถใช้ได้ตามมาตรฐานของแต่ละวิชาชีพ โดยแต่ละสภาวิชาชีพก็มีการควบคุมจรรยาบรรณวิชาชีพอยู่แล้ว และหากจะใช้ช่อดอกมาปรุงหรือใช้เป็นยาเพื่อรักษาผู้ป่วยก็ต้องขอใบอนุญาตให้ถูกต้องเช่นกัน
ในกรณีผู้ที่กระทำความผิดและไม่ดำเนินการตามประกาศจะพิจารณาพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตแล้วแต่กรณี และหากผู้ที่ถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตยังดำเนินการศึกษา วิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรเพื่อการค้าอยู่ จะถือว่าดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาต จะมีโทษตามมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ










