มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและ CEO ของเฟซบุ๊ก แซงหน้าวอร์เรน บัฟเฟตต์ ขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลกแล้ว ตามการจัดอันดับของ Forbes โดยสาเหตุหลักๆ มาจาการที่ปีนี้หุ้นของเฟซบุ๊กราคาเพิ่มขึ้นกว่า 14% ในขณะที่หุ้นเบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ของบัฟเฟตต์ มูลค่าลดลง 23% จากวิกฤติโควิด-19 นอกจากนี้ บัฟเฟต์ยังบริจาคเงินให้การกุศลมากกว่าผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กด้วย

การจัดอันดับมหาเศรษฐีทั่วโลกล่าสุดโดย Forbes ปรากฏว่า เจฟ เบซอส (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้ง Amazon ยังคงเป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 146,000 ล้านดอลลาร์ อันดับ 2 ยังคงเป็น บิล เกตส์ (Bill Gates) ที่มีความมั่งคั่งรวม 107,200 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 3 คือ นายเบอร์นาด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) และครอบครัว ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ หลุย วิตตอง มีทรัพย์สินรวม 96,700 ล้านดอลลาร์
ในขณะที่อันดับ 4 และ 5 ล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลง โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของเฟซบุ๊ก ได้แซง เวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลกแทนแล้ว ด้วยความมั่งคั่งรวมกว่า 85,500 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่บัฟเฟตต์มีความมั่งคั่งลดลงเหลือ 71,100 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กสามารถแซงเจ้าพ่อนักลงทุนขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 4 ได้ในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากหุ้นของเฟซบุ๊กที่ในปีนี้พุ่งขึ้นจากเดิมกว่า 14% ส่งผลให้ซักเคอร์เบิร์กที่ถือหุ้นของเฟซบุ๊กอยู่กว่า 13% รวยขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่บริษัท เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของบัฟเฟตต์ ได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้เฉพาะปีนี้ หุ้นของเบิร์กเชียร์แฮทาเวย์มูลค่าลดลงไปแล้วกว่า 23% และทำให้ความมั่งคั่งโดยรวมของบัฟเฟตต์ที่ถือหุ้นของเบิร์กเชียร์ฯ อยู่กว่า 16% ลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลหนุนเสริมอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ความมั่งคั่งของบัฟเฟตต์ลดลง นั่นก็คือในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา บัฟเฟตต์บริจาคเงินให้การกุศลมากกว่า CEO ของเฟซบุ๊กมาก โดยในช่วงระหว่างปี 2014-2018 บัฟเฟตต์บริจาคเงินเพื่อการกุศลไปแล้วกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันนายซักเคอร์เบิร์กบริจาคไปเพียงประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น









